คลังเก็บป้ายกำกับ: ไม่มีหมวดหมู่

รถประจำทาง

     สวัสดีตอนเย็นๆ นี่ก็เวลา 17.30 อีก 30 นาทีผมก็ต้องกลับบ้านแล้ว พอถึงเวลากลับบ้านก็ต้องนึกถึงรถประจำทาง คิดว่าวันนี้เราจะได้นั่งหรือเปล่า วันนี้จะต้องยืนไหม ถือกระเป๋าโน๊ตบุ๊คกลับบ้านหรือเปล่า ฯลฯ ผมก็เลยมีเรื่องเกี่ยวกับรถปรพจำทางมาเล่าให้ฟังกันนะครับ รถประจำทางทุกวันนี้ก็มีอยู่ 2 ประเภทหลักๆคือ รถขสมก กับรถร่วม ส่วนแยกย่อยๆออกมาก็จะได้ตามนี้ครับ
     รถสีส้ม มินิบัส รถพวกนี้คันเล็ก คล่องตัว ส่วนใหญ่ขับกันแบบช้าๆ กินลม แต่ถ้าเกิดพบเจอรถสายเดียวกันที่กระจกหลัง หรือเห้นอยู่ไกลๆด้านหน้า ก็เตรียมเกาะดีๆล่ะครับ เพราะมันซิ่งมากๆเล่นเสียวกันไปง่ะครับ ป้ายรถเมล์ก็ไม่จอดจอดขวาได้ก็จอด ซึ่งก็น่าจะเป็นเรื่องปกติของทุกวันนี้ สายที่กล่าวขานกันมากๆสำหรับรถมินิบัสนรกก็น่าจะเป็นสาย 6 น่ะครับหากใครอยากลองก็เวลาเลิกงานเลยครับ 6 โมงเย็นลองขึ้นดู แล้วจะรู้ว่ารถติดๆมันก็วิ่งได้ -*-
     ต่อมาก็รถร่วมคันใหญ่ๆสีขาว หรือสีชมพู(บางสาย) รถพวกนี้ค่อนข้างชิวๆ ขับไม่โหดมากนัก แล้วแต่อารมณ์คนขับ สายที่น่าจะกล่าวขวัญกันมากน่าจะเป็นสาย 8 นรก ที่หลายๆคนน่าจะได้ยินกิตติศัพท์กันมา
     ต่อไปก็รถร่วมปรับอากาศ ส่วนใหญ่ขับไม่โหดมากนักเพราะมันเย็น คนขับเลยอารมณ์ดีซะส่วนใหญ่ แต่ปัญหาที่มันจะขับซิ่งก็ต่อเมื่อพบเห็นรถสายเดียวกัน(อีกแล้ว) ตามมา หรือเจอพวกลากทำให้ไม่ได้ลูกค้าก็จะพบกับสิงห์นักขับ เหมือนเดิมน่ะครับ -*-
     ส่วนรถอีกแบบก็คือรถ ขสมก พวกนี้กินเงินเดือนซะส่วนใหญ่ไม่ต้องรับผิดชอบค่าเช่าเหมือนรถร่วม เลยขับไม่ค่อยโหดนัก แต่ก็แล้วแต่อารมณ์คนขับโดยส่วนใหญ่ขับไม่เร็วนัก แต่ถ้าใครอยากเห็นรถ ขสมก ขับเร็วๆล่ะก็หากนั่งเวลารถโล่งๆช่วง เที่ยงๆ หรือดึกๆแล้ว(กะสว่าง) รถพวกนี้ซื่งกันหูดับตับไหม้ เนื่องจากสภาพรถจะดีกว่าพวกรถร่วมมาก เลยซื่งกันได้ถึงใจน่ะครับ
     และที่พิเศษสุดสำหรับผู้ที่พบเจอกับ Jackpot ที่อาจจะไม่เห็นกันบ่อยๆเช่น คนขับปวดท้องหนัก(ปวดขี้) ล่ะก็ความสามารถในการขับขี่จะเพิ่มขึ้นมาก รถติดๆเค้าก็วิ่งได้ แถมไม่ค่อยจอดป้ายเวลาคนกดกริ่งลงแล้วจะรู้สึกหงุดหงิด การเจอรถแบบนี้ถือว่าโชคดีครับ กลับบ้านเร็วดี เหมือนนั่งรถไฟเหาะ ตั้งแต่นั่งมาผมเจอประมาณ 3 รอบครับ คนขับแกซิ่งมากๆจนไปแวะปั้ม ซึ่งกระเป๋ารถเมล์ก็จะแจ้งให้ทราบว่าคนขับปวดท้อง ขออภัยที่ซิ่งนะคะ -*-
     สุดท้ายนี้ก็ขอให้กลับบ้านกันโดนสวัสดิภาพ ไม่พบเจอรถพิเศษเข้าปั้มนะครับ ^^

ในวันที่อากาศร้อนๆ

     สวัสดีครับ ช่วงนี้หลายๆคนคงจะรู้สึกว่าอากาศบ้านเรามันร้อนมากๆเลยว่าไหมครับ อย่างผมก็เป็นคนนึงที่รู้สึกว่ามันร้อนจับใจ แบบว่าพักเที่ยงแล้วเกี่ยงกันไปซื้อข้าวเพราะไม่มีใครอยากไปซื้อ มันร้อนมากผมก็เลยอยากเสนอแนวทางคลายร้อนกับแบบประหยัดๆ กันเผื่อใครจะไปใช้บ้างครับ
     ขั้นแรกเลยอย่างใครอยู่ Office แอร์เย็นๆแล้วพักเที่ยงไม่อยากออกไปหาอะไรกินข้างนอกเพราะมันร้อน ก็ให้ขอเบอร์แม่ค้าที่เรากินข้าวอยู่ประจำให้เค้ามาส่งข้าวให้ก็ได้ ถ้าร้านไหนมันไม่มาส่ง เราก็หาร้านที่เค้ามาส่ง หรือถ้าไม่มีเลย ก็ให้ผลัดกันออกไปซื้ออาจจะแบ่งๆกันไปก็ได้ครับ แต่ถ้าใครจะออกข้างนอกอยู่แล้วก็ฝากเค้าไปซื้อเรา สบายเราจริไหมครับ อิอิ ส่วนอันที่ 2 เลยถ้าใครอยู่บ้านว่างๆแล้วร้อนมากๆ ต้องเปิดแอร์ก็กลัวจะเปลืองไฟ แนะนำให้ไปเดินห้างน่าจะดีครับ พก Notebook หรือ ipad ipod iphone หรืออื่นๆแล้วหาร้านอาหารในห้างซักร้าน ซื้อกาแฟซักแก้ว หรือของกินเล็กน้อย แล้วเราก็นั่งเล่นของเราไปเลยก็เป็นอีกวิธีที่ดีนะครับ ไม่เปลืองไฟบ้านเราด้วย แต่ถ้าใครเกรงใจคนที่เค้าตั้งใจจะมากินอาหารในร้าน อีกวิธีคือร้านหนังสือ ตั้งแต่ร้าน SE-ED B2S นายอิน ร้านเหล่านี้เป็นแหล่งอ่านหนังสือฟรีๆ ที่ฆ่าเวลาไปได้เยอะครับ ^^ สุดท้าย ถ้า 2 วิธีที่กล่าวมาไม่เวิร์คล่ะก็ หาเพื่อนซัก 2 – 3 คนมาเดินเล่นเป็นเพื่อนก็น่าจะดีไปอีกแบบครับ สุดท้ายครับ สำหรับคนที่ต้องกลับบ้านแล้วโดยสารรถประจำทาง เราก็เลือกขึ้นรถแอร์ก็จะทำให้เรายืนสบายกว่ารถร้อนหน่อยนึงแหละครับ แต่ควรเลือกดูรถดีๆด้วยครับ เกิดคันไหนแอร์เสียนี่งานเข้าล่ะครับ
     และนี่ก็เป็นวิธีคลายความร้อนแบบของผม ซึ่งมันก็โอเคนะครับ ลองไปประยุกต์ใช้กันดูได้ครับแล้วพบกันใหม่กับบทความต่อไปนะครับ

รถติด

     เมื่อวานนี้ (27 ก.พ. 2555) ผมก็มีภารกิจหาลูกค้าที่เป็นโรงงานในจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งก็เป็นประจำอยู่แล้วที่จะต้องเข้ามาหาลูกค้าเจ้านี้เดือนละ 2 ครั้ง ทุกครั้งที่ผมมาโรงงานผมจะดีใจกว่าเข้า Office ซะอีกเพราะจะได้กลับบ้านเร็วกว่าปกติ (ทำงาน 9 โมงเช้า เลิกงาน 6 โมงเย็น) แต่ถ้าผมมาโรงงานผมจะเข้าไปถึงโรงงานประมาณ 10 โมงครึ่ง และออกมาประมาณ บ่าย 3 ทำให้ผมได้เวลาเพิ่มขึ้นอีก แต่วันนี้มันกลับไม่เป็นอย่างนั้นเลย ผมออกจากโรงงาน บ่าย 3 โมงพอดีและนั่งรถออกมาเพื่อจะมาต่อรถเมล์แถวๆ หมู่บ้านเศรษกิจ ออกจากโรงงานมาถึงหมู่บ้านเศรษฐกิจก็เกือบ 1 ชั่วโมงแล้วครับ ผมก็รอรถ 101 ที่จะต้องต่อไปลงแยก มไหสวรรค์ วันนี้หนีออกมาเร็วด้วยรถไม่น่าจะติดมั้ง ผมคิดในใจ เมื่อ 101 สุดแสนจะโล่งมาผมรีบกระโดดขึ้นทันที และนั่งอย่างมีความหวังว่าจะไปถึงที่หมายไม่เกิน 30 นาที เพราะทุกครั้งก็ประมาณนี้ แต่วันนี้มันไม่เหมือนเดิมเลย รถเริ่มติดตั้งแต่ เดอะมอล์บางแค ติดเรื่อยๆ ตลอดเส้นทาง ผมก็คิดว่าถ้างีบซักพักนึงก็น่าจะถึงแล้ว เลยหลับบนรถเมล์ไปกว่า 15 นาทีอุแม่เจ้า รถมันเขยิบจากที่เดิมไปไม่ถึง 200 เมตร ผมคิดในใจว่านรกแล้ว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้อ่ะครับต้องทนนั่งรถออกไป เกือบ 1 ชั่วโมงครึ่งกว่าจะถึง ทั้งร้อนและเหนื่อยมากๆ รวมเวลาเดินทางกว่า 2 ชั่วโมงครึ่งแล้วก็ยังไม่ถึงบ้านอีก สุดท้ายผมก็ต้องต่อสาย 21 เพื่อเข้าบ้าน ดีหน่อยที่ไม่ต้องรอนานเพราะ 21 มาภายในเวลา 10 นาที (ปกติรอนานมาก) แต่คนก็แน่นเต็มคัน แถมยังมีแก๊งวัยรุ่นมหาลัย 3-4 คนที่มายืนเกะกะ อยู่กางรถคุยกันเสียงดัง แถมเบียดเค้าไปทั่วอีก เห้อเด็กๆสมัยนี้มารยาทสะกดกันไม่เป้นเลยหรือไงเนี่ย สุดท้ายผมก็ต้องยืนหลบอยู่ในซอกเล็กๆ ส่วนรถก็วิ่งไปเรื่อยๆ จนไปติดปากทางจะเข้าถนนประชาอุทิศ ซึ่งถ้าคนอยู่แถวนั้นก็คงเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วแหละครับ ซึ่งเรื่องนี้มันก็มีคำตอบมาจากลุงๆ TAXI ที่นั่งบ่อยๆเค้าบอกว่าไอ่ร้านโจ๊กที่เลยสะพานแรกไปง่ะ มันชอบมีคนมาจอดซื้อโจ๊กทำให้รถติดถึงปากทาง ไอ่ตอนแรกเราก็ไม่เชื่อลุงเมื่อไหร่ แต่หลังๆนี่มันใช่เลยครับ รถยนต์พวกนี้ชอบมักง่ายจอดอยู่ข้างถนน ซึ่งถนนก็มีแค่ 2 เลน นายจอดไป 1 เลน เหลือให้เค้าวิ่งเลนเดียว มันคงไม่ติดง่ะครับ เจริญจริงๆ และหลังจากที่รถเมล์ผ่านไอ่ร้นโจ๊กนี้ไปแทบจะเหยียบกันมิดคันเร่ง ไม่ถึง 10 นาทีก็ถึงบ้านแล้วครับ รวมเวลาเดินทาง 3 ชั่วโมงกว่าๆ –*-

     จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ผมว่าสาเหตุที่รถติดในกทมส่วนใหญ่มาจากระเบียบวินัยของผู้ขับขี่รถที่แย่มาก คิดจะจอดก็จอด คิดจะแทรกก็แทรก คิดจะปากก็ปาก แถมชอบวิ่งขวางเลนถนนอีก ส่วนปัจจัยรองก็เรื่องรถ TAXI และรถยนต์ส่วนบุคคลเยอะมากเกินไป แต่ก็อย่างว่าล่ะครับ ระบบขนส่งมวลชลใน กทม. มันยังไม่ดีพอ แต่ถ้าคิดกลับกันผมว่าคนไทยง่ะเป็นพวกรักสบาย ถ้าให้เลือกระหว่างขับรถส่วนตัวแล้วมาเจอรถติดกับโหนรถเมล์ใครๆก็เลือกขับรถอยู่แล้วใช่ไหมครับ ยังไงก็ถ้าเกิดจะชับรถกันก็ช่วยมีวินัยจราจรกันซักนิด รถติดก็ไม่ได้มีคุณติดแค่คนเดียว แต่เค้าก็ติดกันหมดแหละ แถมถ้ายิ่งคนที่ขึ้นรถเมล์แล้วโหนกันเหงื่อหยดนี่มันสุดๆจริงๆ ก็หวังว่ารถไฟฟ้าที่กำลังสร้างอยู่นี้คงจะเสร็จกันเร็วๆหน่อยนะครับ คนเค้ารอใช้กันอยู่ ว่าแล้วก็ลากันตรงนี้เลยละกันครับ ไว้โอกาสหน้าจะมีเรื่องมาเล่ากันอีกแน่ๆ เร็วๆนี้ครับ

สภาวะกินแกลบ

     สวัสดีครับ วันนี้ว่างจัดเลยขอมาเขียนเล่าเรื่องราวช่วงนี้ซะหน่อย เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงเข็มขัดสั้น เนื่องจากงานวัด Effect ทำให้ต้องจ่ายหนี้หลายประการรวมๆกันก็หลายอยู่ ทำให้เกิดสภาวะดังที่กล่าวข้างต้นมา โดยเพียงแค่ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ ก็แทบจะไม่เหลือเงินไว้ใช้แล้ว แถมเอาเงินไปทำงานได้แค่วันละ 80 บาท ค่ารถไปกลับ 40 บาท เหลือค่าข้าว 40 บาท ค่าขนมรอบเที่ยงนี่ไม่ต้องคิดเลย ไม่มี ทำไงดีล่ะทีนี้อาจจะเป็นช่วงที่เครียดสุดตั้งแต่มือเติบมาจากสิ้นปีที่ผ่านมา เพราะงานเข้าเยอะครับรายได้เลยเยอะ ส่วนเที่ยวช่วงปีใหม่ก็เก็บกินบุญเก่ากันจน สมน้ำหน้าตัวเองจังเลยเราจึงต้องมีปฏิบัติการหาเงินอย่างเร่งด่วนทันทีครับ

     เริ่มแรกก่อนไปทำงานตอนเช้า ก็ไหว้พระซะหน่อยหลังจากขอหวยพระท่านมาหลายงวด แต่ก็ถูกกินเรียบ มาวันนี้ผมไม่ขอหวย แต่ของานแทนครับ อิอิ แต่มันดันได้ผลซะด้วยสิ เพราะตอนผมนั่งทำงานตอนบ่ายๆงานเข้าทันที โดยมีคนมาจ้างให้ทำแบบตุ๊กตาถักให้เพราะเค้าจะเอาไปลงนิตยาสาร แต่ทำไม่เป็นเลยให้เราทำให้ แหม มันช่าง Happy อะไรอย่างนี้ทำให้ผมต้องเนียนป่วยหยุดงานมาทำงานนอกกันซะหน่อยครับ แต่เรื่องมันยังไม่จบแค่นี้ครับ หลังจากนั้นอีก 2 วันลูกค้าเก่าที่ค้างเงินไว้ก็ชำระเงินที่ค้างไว้ให้อีก โหยนึกถึงเวลาที่แบบหิวมากๆ แล้วผ่านร้านก๊วยเตี๋ยวง่ะครับ แบบนั้นเลยง่ะ หลังจากได้เงินมาแล้วก็ไปช๊อปปิ้งหาข้าวสารอาหารแห้งมากักตุนเผื่อเจอสภาวะกินแกลบอีกครั้งครับ ช้อปปิ้งเพลินๆอยู่ดีๆก็มีพี่ที่รู้จักติดต่อมาให้ไปช่วยทำงานอีก เหอะๆ แถมไอ่งานเขียนแบบตุ๊กตาถักจากจะได้ทำแค่ครั้งเดียว พี่เค้าเหมาจ้างเราทำไป 1 ปี แล้วในอาทิตย์หน้าก็จะได้เงินที่ลูกค้ายังไม่ได้ชำระอีกก้อนนึง นี่แหละครับผมรู้สึกได้เลยว่ามันยิ่งกว่าถูกหวยอีกง่ะครับ จากนั่งกินแกลบอยู่ดีๆ ก็ได้กินข้าวซะงั้น หลังจากจบงานเหล่านี้คงต้องไปทำบุญซักรอบง่ะครับ ทีหลังผมคงจะไม่ขอหวยแล้ว ของานจะพระท่านดีกว่า ได้เงินเร็วกว่าหวยอีก แถมไม่ต้องลุ้นด้วยครับ ถ้าใครคิดจะไปทำตามผมก็ไม่ว่านะครับ สวัสดีครับ

งานวัดหนองแขม 2555

     สวัสดีครับ ต้อนเดือนกุมภาพันธ์ เดือนแห่งความรักวันนี้ผมจะพาเที่ยวงานวัดกันครับ บังเอิญบ้านพ่อผมอยู่วัดหนองแขม และพ่อแม่ก็ขายของอยู่ที่นี่ทำให้พอมีงานวัดผมก็เลยหาของมาขายกันซักหน่อยเพื่อเป้นรายได้เสริมหลังจากอั่งเปาหมดแล้ววว ซึ่งวัดหนองแขมนี้มีงานวัดทั้งหมด 10 วัน 10 คืน ยาวนานมาก ของส่วนใหญ่ที่ขายในงานวัดแห่งนี้หลักๆทุกๆปีก็คงจะเป็น หอยทอด ที่ปีนี้มีมากกว่า 10 ร้านในงานวัด ส่วนราคาไม่งานวัดเอาซะเลยครับ 1 จาน 40 บาทกับหอยเพียงแค่ 2 – 3 ตัว (เรื่องจริงนะเนี่ย) แต่ก็อย่างว่าแหละครับ ค่าที่แพงมาก ยิ่งถ้าอยู่ในจุดที่คนเดินเยอะๆอย่างกลางวัด สิบวันเกือบ 50,000 เลยทีเดียว ส่วนที่เห็นเยอะอีกเป็นลำดับต่อมาคือ ปาลูกโป่ง ที่ปีนี้มีมากเป็นพิเศษ แบบว่าเห็นคนถือตุ๊กตากันเพียบ ตอนแรกก็สงสัยว่าทำไมปาได้ง่ายจังตั้ง 7 ลูกโดนหมดเป้นเราแค่ 2-3 ลูกโดนก็เก่งแล้ว แต่ร้านพวกนี้เค้าจะมีให้เราซื้อ 1 ดอก 100 บาทแล้วปาให้โดนในทีเดียวก็จะได้ตุ๊กตาเลย หรือ 2 ดอก 80 บาท ปาให้โดน 2 ที ได้ตุ๊กตาแบบนี้แหละครับ ทำให้คนได้ตุ๊กตากันเยอะมากๆ เดินต่อมานิดนึงก็มีเกาลัด ราคาย่อมเยา ถุงเล็กๆถุงละ 25 บาทให้กินกันจนร้อนในไปเลย ส่วนไก่ย่างก็ไม่น้อยหน้ามีประมาณ 3-4 ร้านแต่จะอยู่ด้านหน้าวัดหน่อย และจะเป็นเจ้าเดิมๆซะส่วนใหญ่ราคาก็ประมาณ 50-100 บาทตามขนาดของชิ้นไก่นั่งเอง แต่ถ้าใครอยากหาของหวานๆกินก็มีข้าวหลามที่มาแข่งกัน 2 ร้านทุกๆปี เดินถือกลับบ้านกันซํก 2-3 กระบอก แต่ถ้าอยากหาของกินเล่นๆ ก็มีทั้งแคปหมู ปลาหมึกย่าง ลูกชิ้น ไส้กรอก หรือแม้กระทั่งมันฝรั่งทอดก็มีครับ เกิดใครอยากซื้อของใช้ ที่นี่ก็มีขายทั้ง จาน หม้อ ไห กระทะ ครบเลยครับ เสื้อผ้าและกางเกงก็มีหลบๆตามซอกมุมของวัดให้ได้ช๊อปปิ้งกัน และหลังจากเดินกันเรียบร้อยก็ไม่ลืมเข้าไปทำบุญในโบสถ์ ปีนี้เค้ามีแจกอั่งเปาให้ เพียงแค่ทำบุญถ้าไตรสามเณรเพียง 100 บาทก็จะได้อั่งเปา + มีล๊อตตาลี่งวดประจำวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2555 และหลวงปู่ทวดรุ่นวัดหนองแขม ให้อีก 1 อง ก็แปลกดีเหมือนกันครับ ที่มีแจกล๊อตตาลี่ด้วย หลังจากทำบุญและซื้อของกันเสร็จแล้ว ก็แยกย้ายกันกลับบ้านได้ครับ

     วันนี้ก็เดินกันเหนื่อยมากแล้วครับ เลยอยากจะมาแบ่งปันประสพการณ์การเดินงานวัดบ้างซักนิด แต่จะดีไม่น้อยถ้างานวัดสมัยนี้ ไม่มีเด็กวัยรุ่นมาตีกัน และคนที่มาเดิน แต่งกายเรียบร้อยกว่านี้ เพราะที่เห็นๆ สาวๆวัยรุ่นมักใส่กางเกงขาสั้น หรือเสื้อคอกว้างๆ และก็ดันหน้าอกอย่างเห็นได้ชัดเข้าวัด มันเป็นสิ่งที่ไม่สุภาพเลยครับ แต่ก็ทำไงได้หล่ะครับ สมัยนี้ —-

ปีใหม่ กับเรื่องใหม่ๆ

     ยินดีต้อนรับทุกๆคนสู่บล๊อคของผมเช่นเคย นี่ก็เป็นบทความแรกของผมในปี 2555 จริงๆแล้วเมื่ออาทิตย์ก่อนอยากจะโพสเกี่ยวกับสถานที่เที่ยววันเด็ก แต่ก็ไม่ได้โพสเพราะข้อมูลมีน้อยมากเลยครับ ต้องขออภัยมาในที่นี้ด้วย ส่วนวันนี้ผมก็อยากจะเล่าเรื่องราวใหม่ๆ ของปีนี้เหมือนกัน เริ่มต้นด้วย

     – เงินเดือน + โบนัส
     เมื่อถึงปีใหม่ทุกๆคนก็ต้องคิดถึงเรื่องโบนัสหรือขึ้นเงินเดือนเหมือนๆกันทุกคน เพราะการที่เราอยู่ทำงานมาจนครบปี ก็ต้องหวังที่จะได้อะไรบ้างซึ่งผมก็เป้นหนึ่งในนั้นที่หวังเหมือนกัน แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะเจ้านายยังไม่ได้ให้เมื่อตอนสิ้นปี ทำให้ลากยาวมาจนกลางเดือนมกราคม ถึงจะได้โบนัสกัน ซึ่งตัวเลขของโบนัสปีนี้ก็ไม่ได้ทำให้เราดีใจหรือเสียใจมากนัก แต่เรื่องเงินเดือนเพิ่มนี่น่าผิดหวังเหมือนกันที่ไม่ได้มากเท่าที่เราต้องการ

     – เลื่อนตำแหน่ง
     หลายๆคนที่ผลงานดีๆก็อาจจะได้รับการโปรโมทให้ทำหน้าที่ที่สูงขึ้น หรือไม่ก็ที่เดิม ส่วนผมนั้นไม่รู้ว่าได้รับการโปรโมทหรือเปล่า เพราะได้ย้ายแค่ที่นั่งทำงานแค่นั้นเอง –*-

     – ได้งานใหม่
     เมื่อได้รับเงินเดือนเพิ่มที่ไม่ค่อยจะพอใจนัก ก็คงคิดจะงอแง ยื่นซองขาวกันซึ่งผมก็อยู่ในแนวๆนั้นแต่ก็ต้องมีการพูดคุยกับเจ้าของบริษัทกันก่อนเพื่อต่อรองเงินเดือน แล้วค่อยคิดอีกที

     เรื่องราวเหล่านี้ก็อาจจะมีผลกระทบต่อหลายๆคน ไม่มากก็น้อยส่วนในตัวผมผมคิดว่ามีผลกระทบต่อการก้าวเดินต่อไปมากเลย เพราะการตัดสินใจแต่ละอย่างนั่นหมายถึงอนาคตของเราเลย ยังไงก็สู้ๆครับปีมังกร

บริจากไฟฉาย

     สวัสดีครับมาถึงเรื่องที่สองของวันนี้ เนื่องจากเวลานี้พี่น้องชาวไทยของเราประสพปัญหาอุทกภัยกันหลายๆจังหวัดในภาคกลางทำให้เกิดความสูญเสียต่อทรัพย์สินและชีวิต ผมก็อีกคนนึงที่ติดตามข่าวสารทุกๆวัน เห็นภาพแบบนี้ทุกวันจนเกิดอาการอยากจะช่วยเหลือพวกเขาเหล่านั้นบ้างจนได้ปรึกษากันในกลุ่มที่ทำงานจนได้ว่าเราจะบริจากไฟฉาย ของจำเป็นอีกอย่างนึงสำหรับใช้ในกลางคืนมันน่าจะมีประโยชน์อย่างมากๆสำหรับผู้ประสพภัย แถมเราทำงานกับแถวๆสำเพ็งอยู่แล้วของอย่างนี้หาได้ไม่ยาก จึงได้มอบหมายให้พี่สาวไปซื้อมา 24 อันพร้อมถ่านไปฉายอีกจำนวนเท่าๆกัน หลังจากที่ซื้อมาแล้วก็นั่งใส่ถ่านกันก่อนเพื่อที่จะได้สะดวกในการใช้งาน เมื่อเสร็จแล้วเราก็นำของทั้งหมดไปบริจากยังจุดรับของที่ท่าน้ำราชวงศ์ครับ ยังไงก็เอาบุญมาฝากนะครับ คนไทยยังไงก็ไม่ทิ้งกัน แถมยังมีโครงการที่จะบริจากพวกยา หรือผ้าอนามัยที่ขาดแคลนอีก ไว้โอกาสหน้าจะได้มาบอกกล่าวกันครับ

296105_289329814428250_188372484523984_1137822_1262772730_n

วันนี้คุณกินข้าวกับพ่อแม่แล้วหรือยัง

     สวัสวดีครับวันนี้ผมมีประสพการณ์ดีๆมาเล่าให้ฟังกันอีกแล้ว ผมเป้นคนนึงที่ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่เพราะแยกมาอยู่เองได้เกือบปีแล้วเพื่อที่จะได้มาทำงานได้สะดวกขึ้น แต่ก็มีบ้างที่ผมจะต้องไปหาลูกค้าโรงงานในสมุทรสาครซึ่งก็ใกล้ๆกับบ้านพ่อแม่ผม ทำให้ผมได้แวะไปหาท่านอยู่บ่อยๆ แต่การแวะทุกครั้งก็แวะแค่ถามสารทุกข์สุขดิบแล้วก็กลับบ้าน ทำให้ไม่ได้ทำกิจกรรมอะไรกันมากนัก จนวันก่อนที่ผมได้เข้าโรงงานอีกครั้ง พ่อแม่ผมก็โทรมาหาเพื่อให้ไปช่วยพี่ชายทำคอมพิวเตอร์หน่อย เพราะลูกค้าคนนี้เรื่องมากจนทำอะไรกันไม่ได้จากตอนแรกผมก็คิดว่าจะกลับบ้านเลยเพราะเหนื่อยมากทำให้ได้แวะเข้าไปซักหน่อย หลังจากที่มาถึงผมก็นั่งทำคอมพิวเตอร์อยู่หลายชั่วโมงจนตกเย็นแล้วผมทำเสร็จก็เตรียมตัวจะกลับบ้าน แต่แม่ผมก็ถามว่าจะกินข้าวไหมเดี๋ยวจะทำให้กิน ผมก็ต้องตอบว่ากินอยู่แล้วเพราะรู้สึกว่าไม่ได้กินข้าวฝีมือแม่มานานแถววันนี้เพื่อนผมมันก็กลับบ้าน แถมพูดว่าแม่ทำข้าวไว้รอให้ไปกินเหมือนกัน(ไม่อยากน้อยหน้ามัน) แล้วแม่ผมก็ไปทำข้าวผัดกระเพาไก่มาให้เต็มจานซึ่งก็เหมือนกับทุกทีที่ผมกินข้าวที่บ้านตอนที่ผมยังไม่ย้ายไป ผมกินข้าวเยอะมาก แม่ผมก็รู้ว่าผมเป้นคนกินข้าวเยอะก็จะให้ข้าวและกับข้าวมาเต็มๆอย่างนี้ ผมไม่รอช้ารีบกินทันทีเป็นตรั้งแรกในรอบหลายๆเดือนที่ผมได้กินข้าวพร้อมหน้ากับแม่ รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก หลังจากกินเสร็จผมก็ลาพ่อแม่และกลับบ้าน ตอนขึ้นรถเมล์ผมก็คิดถึงแม่ตลอดแทบจะน้ำตาไหลไม่รู้เพราะอะไร ผมคิดว่าสักวันนึงก็น่าจะได้กลับมาอยู่กับพ่อและแม่อีกครั้งแน่ๆครับ

สุกี้ที่บ้าน

     สวัสดีครับพอดีอยากมีเรื่องเล่านิดหน่อยสำหรับวันหยุดเมื่อวาน พอดี Tesco Lotus มาเปิดแถวบ้านผม ประชาอุทิศ ทำให้คนละแวกนี้เห่อกันมากๆ ถึงขั้นทำรถติด ไอ่เราบ้านอยู่ใกล้ๆเลยจะเป็นต้องลองเข้าไปชมกลิ่นแอร์ใหม่กันซะหน่อย แถมอากาศร้อนๆในวันอาทิตย์ยิ่งทำให้ไม่อยากเปลืองค่าแอร์ที่บ้าน ไปเดิน Lotus ซักหน่อยก็คงจะดีกว่าอยู่เฉยๆ งั้นไปกันเลยดีกว่า
     หลักจากออกจากบ้านก็ต้องเดินออกมาหน้าปากซอย และขึ้นรถกระป๋อง(รถโดยสารขนาดเล็ก)ออกมาเพียง 2 ป้ายรถเมล์ก็ถึงแล้ว แต่เราไม่สามารถจะเดินได้เนื่องจากอากาศร้อนมากๆ เมื่อมาถึงแล้วคนก็เยอะจริงๆ เดินกันเพ่นพ่านเต็มไปหมด แต่ที่ผิดปกติคือมันยังสร้างไม่เสร็จเลย ไอ่โลตัสที่นี่ไม่รู้จะรีบเปิดไปไหน แต่ในส่วนของ Supermarket ของก็มากันครบหมดแล้ว ด้านหน้าจะเป็นของสดๆ จำพวกผัก และเนื้อสัตว์ รวมทั้งอาหารแช่เย็น ส่วนของใช้ต่างๆจะไปหลบอยู่ด้านในแทน เพราะเค้าเน้นเรื่องตลาดมากกว่าเนื่องจากมาเปิดแข่งกับ Jusco อาจจะแย่งลูกค้ากันบ้างแต่ถ้าเทียบชื่อแล้ว โลตัสน่าจะภาษีดีกว่า ว่าแล้วก็เริ่มช๊อปปิ้งในโลตัส เริ่มจากซื้อ เฟรนด์ฟราย ก่อนเพราะมีความต้องการจะกินมากๆ แต่ว่าจะกินอาหารหลักเป็นอะไรดี หางตาก็เหลือบไปเห็นตู้แช่ชุดสุกี้ชุดใหญ่อยู่ด้านในเราไม่รอช้ารีบปรี่เข้าไปจัดมาซักชุด พร้อมด้วยหมู ไส้กรอกและ อื่นๆเนื่องจากสุกี้ถาดนี้สงสัยส่งตรงจากสวน เพราะมีแต่ผัก เมื่อเลือกซื้อของจนรู้สึกว่าทรัพย์จางๆลงนิดหน่อยแล้วก็เข้าไปชำระเงิน ซึ่ง Cashier ผู้นี้ทำได้รวดเร็วมากทำให้การชำระเงินเป็นไปด้วยความราบรื่น หลังจากที่ทำภารกิจที่ Lotus ครบแล้วก็ได้เวลากลับบ้าน แต่เดี๋ยวเมื่อไหร่ที่ MK หรือ Yayoi มาเปิดคงได้เจอกันอีกรอบว่าแล้วรีบกลับบ้านก่อนที่ ของจะละลายหมดก่อนดีกว่า
     เดินทางกว่า 10 นาทีก็เข้าถึงบ้าน เราไม่รอช้าจัดการตั้งน้ำมันและทอด เฟรนด์ฟรายเป้นอันดับแรกก่อน กินกันก่อนเพราะหิวมาก(ตอนที่ซื้อมาเสร็จเวลาปาไป 16.00 ยังไม่ได้กินข้าวเช้าหรือเที่ยงเลย)แต่เฟรนด์ฟรายก็หมดอย่งรวดเร็วเพราะซื้อมาน้อย แค่ 750g แต่นั่นก็น่าจะกินได้ซัก 5 คนแล้วล่ะ เมื่อทอดเฟรนด์ฟรายเสร็จก็ต้องล้างกระทะรอบนึงเพื่อมาต้มสุกี้กินกัน ลองเปิดดูในถาดสุกี้ที่ซื้อมามี คนอร์ 2 ก้อน ผักกาดขาว ประมาณ 4 ใบใหญ่ๆ ผักบุ้ง จำนวนมาก เห็ดเข็มทอง เห็ดหูหนูดำ ขึ้นช่าย ไข่ 2 ฟอง น้ำจิ้มสุกี้ 2 ถุงเล็กๆ วุ้นเส้นประมาณ 50g เส้นบะหมี่ 50g ไก่ประมาณ 200 g น่าจะได้ และ ลูกชิ้นปลา ปูอัด เต้าหู อีกประมาณ 300g แต่ของมันน้อยมากนัก เลยต้องมีของเสริมคือหมูสาหร่ายที่ซื้อมาเพิ่มอีก 200g ก็น่าจะพอกินกันใน 1 ครอบครัวแล้ว เมื่อเช็คของทั้งหมดแล้วก็ใส่คนอร์ก้อนลงไปแล้วต้อมต่อจนน้ำเกือบเดือด ก็รีบเด็ดผักทั้งหมดใส่ น้ำก็จะเดือดปุบๆๆ พอดีก็ใส่เนื้อสัตว์ทั้งหมดลงไป พร้อมรับประทาน อยากจะบอกว่าตั้งแต่ย้ายมาอยู่เองเพิ่งจะได้กินสุกี้ที่บ้านเป้นครั้งแรก มีความสุขกว่านั่งเอ็มเค แถมสุกี้หม้อนี้ ราคาไม่ถึง 200 บาทก็ทำให้อื่มได้แล้วว่าแล้วก็ต้องรับประทานกันดีกว่าครับ ถ้าใครจะทำบ้างก็ไม่ว่ากันครับ แล้วจะรู้ว่ามันมีความสุขจริงๆ