ผมกลับมาแล้ว

สวัสดีครับ หายไปเกือบปีกับบทความบนเว็บไซต์นี้ ต้องขออภัยอย่างสูงครับ ผมเวลาว่างน้อยจริงๆ และเนื่องจากหน้าที่การงานที่เปลี่ยนแปลงแบบที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนครับ ในหนึ่งปีที่ผมหายไปนั้น ผมได้งานใหม่กับที่ทำงานเก่าครับ พิมพ์มาแบบนี้คงจะงงกับใช่ไหมครับ ผมยังงงเลย 555 เอาเป็นว่าทุกท่านที่รู้จักผม หรือเคยแวะเวียนเข้ามาอ่านบทความในเว็บไซต์นี้น่าจะเข้าใจว่าผมทำงานด้านไอที คุณคิดไม่ผิดครับผมทำงานด้านไอทีจริงๆ แต่เนื่องจากเจ้านายผม บังเอิญแกได้คิดทำธุรกิจใหม่ขึ้นมา ซึ่งมันดูท่าทางน่าสนุกมากครับ และด้วยอุปนิสัยของผมและเพื่อนรัก(Ho) มันทำให้ผมไม่สามารถจะปฏิเสธการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่นี้ได้เลย

ผมเริ่มมาศึกษางานพิมพ์ครับ ด้วยการที่เจ้านายผม แกมีโรงงานทอผ้า แต่เมื่อทำอะไรแบบเดิมๆไปเรื่อยๆ แกได้เห็นลู่ทางที่จะทำธุรกิจใหม่ขึ้นมา ซึ่งไอ่การพิมพ์เนี่ยจริงๆมันก็มีมานานมากแล้ว และโรงพิมพ์ทั่วๆไปก็มีมากพอสมควร แต่การพิมพ์ที่ผมลงมาเล่นเนี่ยมันแตกต่างจากที่คุณคนทำกัน และพูดได้เลยว่าเครื่องพิมพ์ใหม่ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศให้ผมได้เล่นเนี่ย แทบจะเป็นเครื่องแรกๆในประเทศไทยเลยที่มีการพิมพ์แบบนี้ ไม่ใช่ว่าคนอื่นไม่ทำกันนะครับ แต่ไอ่การพิมพ์วิธีที่พวกผมเริ่มเรียนรู้และทำกันเนี่ย มันไม่เหมือนชาวบ้านเขาทำกันแน่นอน

ผมพิมพ์ผ้าด้วยระบบการพิมพ์แบบดิจิตอลครับ และที่มันไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านเพราะมันเป็นการพิมพ์แบบ Direct to Fabric ใช่ครับผมพิมพ์งานลงบนผ้าโดยตรงเลย ซึ่งการจะทำแบบเนี่ยได้ต้องใช้หมึกแบบพิเศษชนิดที่ไม่ค่อยมีชาวบ้านทำเหมือนกันครับ หมึกนั้นคือหมึก Pigment ครับ ถ้าเกิดคุณเคยทำงานพิมพ์ทั่วไปหมึก Pigment ก็เป็นหมึกที่ใช้กันทั่วๆไปเพราะหมึกตัวเนี่ยเรียกง่ายๆภาษาชาวบ้านว่าเป็นหมึกกันน้ำในเครื่องพิมพ์บ้านๆครับ หมึกตัวนี้ช่วยให้การพิมพ์ลงบนผ้าโดยตรงสามารถทำได้แบบง่ายๆเลยครับ แต่วิธีการมันก็ไม่ง่ายแบบนั้นนะครับ ผมใช้เวลาเกือบปีเล่นกับมันจนในที่สุดผมสามารถจัดการกับปัญหาทั้งหมดของเจ้าเครื่องพิมพ์ และหมึก Pigment ได้แล้วแบบ 99.99% เลยทีเดียว ทำให้ผมอาจจะมีเวลาเริ่มมาคิดทำอะไรอย่างอื่นบ้างได้แล้วล่ะครับ

หลังจากผมเลี้ยวเล่าเรื่องส่วนตัวมานาน เข้าประเด็นที่ผมตั้งใจมาบอกเล่ากันในวันนี้ดีกว่า ไว้บทความเรื่องผ้า และงานพิมพ์ ผมอาจจะเริ่มเรียบเรียงและนำมาลงให้ได้อ่านกันในโอกาสหน้าครับ จากการที่ผมจัดการเรื่องงานที่ค่อนข้างยาก แต่ก็แก้ปัญหาส่วนใหญ่ได้ ผมเริ่มมีเวลามาลองคิด ลองมองออกมานอกหน้าต่างบ้าง อย่างแรกเลยผมรู้สึกว่าเกือบหนึ่งปีที่ผมหมกมุ่นกับเรื่องงานพิมพ์ เรื่องผ้า ทำให้ผมเหมือนตกรถไปหลายๆเรื่องเลยล่ะครับ เรื่องแรกเลย เรื่องเทคโนโลยีการพัฒนาซอฟท์แวร์ และเทรนใหม่ๆของสาย Developer หลังจากผมมีเวลาลองมองออกมา โห มันไปไกลมากๆ ตอนนี้โลกมี framework ให้เลือกใช้มากมาย เรียนรู้ง่ายๆ มี community ที่เข้มแข็ง และมี firebase (เดอะเบส) ไม่ใช่ว่าที่ผ่านมาผมไม่ได้ติดตามข่าวสาร แต่การอ่านข่าวแบบผ่านๆบางทีทำให้เราพลาดจุดสำคัญอะไรไปก็ได้ซึ่งนั่นเป็นหนึ่งในเรื่องที่ผมคิดว่าพลาดมากๆ ผมอาจจะต้องตั้งใจอ่านข่าวสารให้มากขึ้นกว่านี้เพื่อจะไม่ต้องเสียใจว่าเกือบตกรถแล้วจริงๆ อย่างที่สองผมคิดว่าผมใส่ใจคนรอบข้างน้อยลง เพราะการโฟกัสกับเรื่องที่ทำให้เราสนใจแบบสุดๆทำให้ลืมมองจุดนั้นจริงๆ อันนี้ผมต้องปรับตัวด่วนเลย แต่ก็ยังดีครับที่ผมไหวตัวทันในเรื่องนี้ 555 และสุดท้ายใส่ใจตัวเองบ้าง อันที่จริงผมคิดว่าผมก็เป็นคนที่ค่อนข้างไม่ค่อยสุดโต่งในหลายๆเรื่องนะครับ เรื่องอาหาร การกิน เป็นคนที่กินแต่ของมีประโยชน์ รสไม่จัด เหล้าเบียร์ก็ไม่ค่อยนะ ออกกำลังกายบ้าง บางเวลา แต่ที่ผมลืมคือ ผมอายุมากขึ้นพอสมควร ส่องกระจกก็ตกใจครับ เห้ยหน้าโทรมมากๆ แย่ครับ หลังจากนี้อาจจะต้องบำรุงผิวหน้า ผิวกายบ้างแล้วล่ะ

ผมคิดว่าในหนึ่งปีที่ผมเริ่มทำอะไรใหม่ๆ ก็มีสิ่งดีๆเข้ามาในชีวิตมากพอสมควร แต่มันก็แลกกับบางสิ่งพอสมควรเหมือนกัน ผมคิดว่าการทำอะไรสุดโต่งไป มันไม่เป็นผลดีเลย การหยุดพัก หรือลองมองไปรอบๆบ้างเป็นบางครั้ง มันก็ดีเหมือนกัน เพราะฉะนั้นทุกคนอย่าลืมที่จะเงยหน้าขึ้นมาบ้างนะครับ บางครั้งคนข้างๆคุณอาจจะรอให้คุณเงยหน้ามาคุยกับเขาบ้างก็เป็นได้นะครับ จริงๆวันนี้ผมจะมาเขียนเรื่องการขุดคุ้ยอดีตของตัวเองบนโลกออนไลน์นะ แต่มันอดไม่ได้ที่จะเล่าเรื่องที่ผมอยากจะบอกนี่แหละครับ ไว้บทความต่อไปไม่พลาดเรื่องนี้แน่นอนครับ สวัสดี

PARSEC Gaming มาเล่นเกมผ่านสายแลนกันดีกว่า

สวัสดีครับ ช่วงนี้ผมมีที่ทำงานหลายที่ ต้องย้ายไปมา บางที 1 สัปดาห์วิ่งไป 3 ที่ทำให้ต้องแบก Notebook ไปๆมาๆ บางทีก็รู้สึกหนัก ไม่อยากแบกและ ทิ้งมันไว้ที่ไหนซักที่ดีกว่า แถมช่วงนี้ผมติดเกมมือถือมากๆ เล่นหลายเกมเลยซึ่งมันต้องบอทหลายชั่วโมง แล้วการจะมาบอทในมือถือ มันก็ทำให้มือถือเราพังไวครับ ผมเลยต้องหาวิธีบางอย่างที่จะเปิดที่บ้านแล้วสามารถรีโมทมาดูได้ทั้งวัน แต่โปรแกรมรีโมทอย่าง Team Viewer มันไม่ได้เร็วขนาดนั้นครับ มีช้าบ้างเป็นบางทีก็หงุดหงิดนะครับ แถมล่าสุดผมก็เล่น Black Desert ด้วยอีกเกมต้องเปิดทิ้งไว้เหมือนกัน พอใช้เจ้า Team Viewer มารีโมทมันช้าไปหมด เดินไม่ได้ ควบคุมไม่ได้ลำบากเลย

จนผมไปเจอกับตัวรีโมทตัวนึง บางคนเคยได้ยินชื่อไหมครับ Google Stadia ผมลองดูรีวีวต่างๆ กับที่เขาลองเล่นๆใน Youtube ดูแล้วมันโอเลยนะ แต่มันยังไม่เปิดให้บริการจริงๆ แถมมันก็ข้อจำกัดเยอะอีก ผมเลยงมหาต่อว่ามีอะไรคล้ายๆแบบนี้บ้างจนไปเจอเจ้าตัวนี้ครับ Parsec Gaming ตอนแรกผมลองลงดูก็เหมือนโปรแกรมรีโมททั่วๆไปครับ แต่ที่ต่างจากเจ้าอื่นคือ มันต้องมีการ Forward Port ใน Router สำหรับเครื่อง Host ด้วย ซึ่งสำหรับผมมันไม่ได้ยากขนาดนั้น แต่สำหรับหลายๆคนอาจจะลำบากไปนิด ซึ่งการตั้งค่าตรงนี้เราสามารถโทรไปปรึกษากับทาง ISP ที่เราใช้ได้ครับ หลังจากผมติดตั้งทุกอย่างเสร็จก็เริ่มลองครับ ผมถึงกับไม่เชื่อสายตาตัวเองนะ เห้ย มันเร็วมากครับ เร็วแบบที่เหมือนผมนั่งเล่นหน้าคอมตัวเองเนี่ยเลย ผมเลยลองให้เพื่อนผมรีโมทมาลองบ้าง วันนี้นเล่น GTA ครับ เพื่อนผมมาลองเล่นดูลองขับรถ มันได้เลยครับ การตอบสนองไวมาก แต่มันจะมีเสี้ยวนึงที่อาจจะไม่ไวขนาดนั้น แต่ผมอาจจะให้คำว่า อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ครับ วันนี้ผมเลยจะมาแนะนำการโหลด การติดตั้ง และสมัครใช้งานเจ้า Parsec Gaming กันครับ

เริ่มต้นเลยนะครับ เครื่อง Host (เครื่องที่เราจะลงเป็นตัว Server ที่เปิดทิ้งไว้แล้วให้เราสามารถรีโมทจากที่ไหนก็ได้เข้ามาใช้งาน) จำเป็นต้องเป็น Windows 10 อัพเดตล่าสุดครับ และ Spec เครื่องก็เป็นในระดับเล่นเกมได้ครับจะดีมากเลย ส่วนอินเตอร์เน็ทที่เครื่อง Host จะใช้ ขั้นต่ำคือ Upload 10 Mbps ครับ โดยความเร็วตรงนี้จะเป็นตัววัดคุณภาพของภาพที่แสดงครับ ยิ่งเยอะยิ่งได้ภาพที่ชัดขึ้นครับ และต้องสามารถ Forward Port 1 Port ครับ หรือถ้าบาง ISP สามารถเปิด option upnp ได้จะสะดวกมากครับ ถ้าคุณมีของตามที่มาเริ่มดาวโหลดกันเลยครับ

เข้าเว็บนี้ก่อนเลยครับ https://parsecgaming.com/ พอเข้ามาแล้วก็ดาวโหลดได้เลยครับ ซอฟแวร์ตัวนี้ฟรีครับ ฟรีจริงๆนะ ในที่นี้ครับ เครื่องโฮสจะต้องเป็น Windows 10 แต่เครื่อง Client นี่สามารถใช้เครื่อง Mac หรือ Android ก็ได้ครับ

พอโหลดเสร็จแล้วให้เราติดตั้งได้เลยครับ พอติดตั้งเสร็จแล้วเปิดโปรแกรม เขาจะให้สมัครสมาชิก ก็ให้สมัครไปเลยครับ อย่าลืมรหัสผ่านด้วย หลังจากเราสมัครและ Login แล้วจะพบกับหน้าจอหลักครับ

ในหน้าจอนี้ สำหรับใครที่เพิ่งลงที่แรกจบมีแค่ This Computer ครับ ซึ่งหมายถึงเครื่องเรา และถ้าลงไว้หลายเครื่อง เครื่องที่เปิดไว้เครื่องอื่นๆ จะแสดงขึ้นมาเราสามารถกด Connect เพื่อน รีโมทไปเล่นเครื่องอื่นๆได้ครับ ต่อไปเรามาดูที่การตั้งค่ากันครับ โดยกดที่รูปเฟืองที่อยู่ซ้ายล่างตรงชื่อ Username ของเรา

ในส่วนของ Setting จะมีด้วยกัน 5 เมนูครับ โดยเริ่มจาก Client ในส่วนนี้จะเป็นการตั้งค่าเครื่องลูกที่เป็นเครื่องใช้รีโมทไปยังเครื่อง Host ครับ โดยจะคล้ายๆตั้งค่าเกมเลย มี Vsync และปรับโหลดการแสดงผลตรง Windows Mode ส่วน Renderer จะใช้เป็น DirectX ใน Windows ส่วนของระบบอื่นๆจะเป็น OpenGL ซึ่งตรงนี้ทำให้เครื่อง Client ที่เป็น Windows จะใช้งานได้ราบรื่นที่สุดครับ ส่วน Immersive Mode แนะนำให้ปิดไว้ครับ เพื่อจะได้ไม่กดปุ่มกวนกัน 2 เครื่อง และสุดท้าย Overlay จะเป็นปุ่มฟ้าที่ที่จะอยู่บนหน้าจอมุมซ้ายบนตอนเรารีโมทเพื่อให้เปิดคำสั่ง เต็มจอ ย่อจอหรือ Disconnect ครับ ใครจำคีลัดได้ก็ปิดโลดครับ อันสุดท้าย Decoder Mode ตรงนี้จะเป็น Accelerated เพื่อใช้ การ์ดจอช่วยประมวลผลทำให้ไวขึ้นครับ ใครเครื่องการ์ดจอเห่ยก็อาจจะใช้ Software แทนได้ครับ

ต่อไปจะเป็นการตั้งค่าสำหรับเครื่อง Host ครับ ในช่องแรกจะเป็นการเปิดปิดฟังชั่นนี้ซึ่งถ้าไม่ได้อยากให้เครื่องนี้ใช้เป็นเครื่อง Host ก็ปิดไปได้ครับ ต่อไป Bandwidht Setting จะเป็นการเลือกปริมาณ Bandwidth ที่จะส่งออกข้อมูลผ่าน Internet ให้เราเลือกตามความเร็วเน็ทเราครับ ถ้าใครมีขา Upload เยอะๆ ก็สามารถเลือกได้เยอะ โดยผมคิดว่าปริมาณที่ OK ที่สุดจะอยู่ที่ 20 Mbps ครับกับหน้าจอ FullHD Exclusive Input Mode จะเป็นการเลือกแย่งเม้ากันระหว่างเครื่อง Guest กับ เครื่อง Host ซึ่งอันนี้ไม่ได้ลองเลยไม่รู้เหมือนว่ามันเป็นยังไง แต่ผมก็ออนไว้ครับ Approved Apps Only อันนี้จะเป็นการตั้งค่าถ้าเหมือนเราอยากจะให้เพื่อนเข้ามาเล่นเกมด้วย แต่ไม่อยากให้เขาทำอย่างอื่นได้ เราสามารถตั้งค่าให้แอปใดแอปหนึ่งทำงานผ่าน Parsec ก็ได้ครับ สุดท้ายส่วน Advance Setting ตรงนี้แนะนำให้ตาม Default ไปครับ โดย H.265 จะเป็นการบีบอีดไฟล์ Video ที่ส่งไปยังเครื่อง Host แบบที่คุณภาพสูงสุดครับ แนะนำให้เปิด Display Adaptor จะเป็นการเลือกว่าให้ใช้หน้าจอไหน โดยถ้าใครมีจอเดียวก็คงไม่ต้องตั้งครับ อันสุดท้ายจะเป็นส่วนขอการตัดเสียง Echo เวลาใช้ Discord ซึ่งเปิดไว้ดีกว่าครับ

ในส่วน Network ครับ เมนูแรก Client Start Port อันนี้ปล่อยได้ครับ โปรแกรมจะตั้งให้เราเองเวลาเชื่อมต่อไปที่เครื่อง Host ครับ อันต่อมา Server Start Port อันนี้สำหรับคนที่ต้องค่า Forward Port เอง Port นี้จะเป็น Port แรกครับ ถ้าหากมีคน Connect มาหลายคน มันจะสร้างพอร์ทต่อๆไปเอง ถ้าเกิดว่ามีคน Remote มาพร้อมกันหลายคน แนะนำให้ Forward Port เผื่อไว้ครับ สุดท้าน UPnP อันนี้เปิดไว้สำหรับบ้านใครที่ใช้ Router แบบมี UPnP ครับ มันจะ Forware Port เองครับ

ส่วนเมนูที่เหลือคือ Key Blinding กับ Account ตรงส่วนนี้ก็สามารถไปแก้ได้ครับ อีกอย่างนึงผมแนะนำให้เข้าไปเปิด Two Factor Authentication กันด้วยครับ เนื่องจากโปรแกรมนี้เป็นโปรแกรมที่สามารถรีโมทมาใช้เครื่องเราได้เลย จึงต้องระวังกันนิดนึงนะครับ

ส่วนที่ผมยังไม่ได้ลองก็มีครับ จริงๆเจ้า Parsecgaming เนี่ยเขาทำมาเพื่อไว้ให้เราพาเพื่อนมาเล่นเกมด้วยกันในเครื่องเรา จึงมีพวก Function Party อยู่ด้วย ใครเพื่อนเยอะก็ลองให้เพื่อนลงดูครับ ส่วนเกมที่คิดว่าน่าจะลองกันสนุกน่าจะแนวๆ Overcook ครับ หรือไม่เกมต่อสู้ที่เล่นกันได้หลายคนในเครื่องเดียวกันครับ

สุดท้ายก็อยากจะฝากเรื่องความปลอดภัยของรหัสผ่านสำหรับบริการพวกนี้ด้วยครับ เพื่อนมันเป็นบริการที่ต่ออินเตอร์เน็ทและมีการควบคุมเครื่อง เพราะฉะนั้น รหัสผ่านให้ยากซํกนิด และจะทำหรือลองอะไรควรทำกับเพื่อนสนิทๆกันจริงๆครับ และที่สำคัญอย่าลืมเปิด 2 Factor กันด้วยนะครับ สวัสดี

จัดการ IP Address ด้วย IPAM ใน Docker

สวัสดีครับ ช่วงนี้ผมเล่น Docker หนักมาก แล้วเจ้าตัว IPAM เก่าของผมที่ลงใน Ubuntu มันเก่ามาก พอ Ubuntu อัพเดตแต่ละทีโค้ดจะเดี้ยงไปเรื่อยๆจนทนไม่ไหว ไหนๆเล่น docker อยู่แล้วก็จับยัดลง Docker เลยละกัน

เริ่มเรื่องผมขออธิบายเรื่อง IPAM ก่อน เจ้าตัว IPAM เนี่ยมันเป็นตัวจัดการ IP Address ที่จะคอยช่วย Scan IP ให้เรา แถมสามารถสร้าง Agent ให้มันคอยอัพเดต IP Address ที่หายไป หรือเพิ่มขึ้นในระบบให้ด้วย ซึ่งทำให้เราสะดวกขึ้นในการจัดสรร IP Address ที่เหลืออยู่อันน้อยนิด
https://phpipam.net/
เว็บไซต์โปรเจ็ค IPAM สามารถไปโหลดมาลงหากมี WebServer อยู่แล้วก็ได้เลยครับ แต่ผมมีวิธีที่ง่ายกว่านั้น เพราะเจ้า IPAM Agent เนี่ยมันทำให้ Ubuntu ตัวใหม่ๆที่ใช้ PHP Apache ปิดตัว ptncl ทำให้ต้องมา Compile PHP ใหม่ โคตรจะยุ่งยากครับ สุดท้ายแสงสว่างก็แว้บขึ้นมา ในเมื่อผมเล่น Docker อยู่แล้ว ก็จัดการยัดใส่ Docker ซะเลย แถมมีคนทำ Docker Container ไว้ให้แล้วด้วย โคตรดีงาม

มาเล่าเรื่อง Docker ต่อครับ Docker เนี่ยมันจะเรียกว่าคล้ายๆ Virtualization ก็อาจจะไม่เชิง มันง่ายกว่านั้นตรงถ้าเราจะใช้ Virtual เราต้องมานั่งลง Ubuntu ใหม่ มานั่งลง component ใน ubuntu อีกรอบให้สามารถทำงานได้ แต่ Docker เนี่ย เพียงแค่เราลงโปรแกรม Docker Engine ใน Ubuntu หรือใน Windows (ใน Windows จะเรียกว่า Docker Toolbox ถ้าไม่ใช่ windows 10 Pro หรือ Enterprise) ก็สามารถใช้ได้ทันทีเพียงเราต้องไปหา Container Images ที่จะใช้จาก https://hub.docker.com/ ก็สามารถใช้ได้เลย โดย Container Image มีตั้งแต่ลง OS ทั้งก้อน พวก Ubuntu Centos ก็ยังมีไปถึงโปรแกรมพื้นๆ พวก NGINX Mysql httpd อยากใช้ตัวไหนก็โหลดมาเล่นได้เลย ง่ายสะดวกสุดๆครับ แถมการทำงานแต่ละ Container นั้นแยกกับอย่างสมบูรณ์ ทำให้ง่ายในการจัดการบริหารทรัพยากรณ์ในเครื่องครับ

เข้าเรื่องหลักเลยดีกว่า ผมจะเริ่มจากการลง Ubuntu ใน Vsphere เพื่อจะลง Docker Engine ครับ โดยผมจะไม่เขียนวิธีละกัน อันนี้ไม่ยาก หลังจากเราลง Docker ได้แล้ว ก็เตรียม Copy + Paste เลยครับ
https://hub.docker.com/r/pierrecdn/phpipam/
ลิ้งนี้จะเป็นหน้า docker hub ของ container image ที่เราจะมาทำกันนะครับไม่ต้องเข้าไปดูก็ได้ เพียงแค่ Copy+Paste โค้ดตามด้านล่างนี้เลย
$ sudo docker run --name phpipam-mysql -e MYSQL_ROOT_PASSWORD=รหัสผ่านroot -v /my_dir/phpipam:/var/lib/mysql -d mysql:5.6
$ sudo docker run -ti -d -p 80:80 -e MYSQL_ENV_MYSQL_ROOT_PASSWORD=รหัสผ่านroot --name ipam --link phpipam-mysql:mysql pierrecdn/phpipam

รหัสผ่านroot อันนี้ให้ตั้งกันเองเลยนะครับ ใส่ให้เหมือนกันด้วยล่ะ ไม่งั้นจะ run ไม่ได้
ส่วนใครที่อยากจะเปลี่ยน port web เป็นพอร์อื่นสามารถแก้ไขได้ด้วยการแก้ตรง 80:80 เป็น อะไรก็ได้:80
แค่สองบรรทัดนี้ก็เป็นอันเรียบร้อยครับ ลง PHPIPAM เสร็จแล้ว หลังจากนั้นก็เข้า ip ผ่าน web browser ก็จะเป็นหน้าติดตั้ง ให้เราทำตามขั้นตอนติดตั้งหรือกดเข้าไปดูในเว็บ Docker hub ลิ้งข้างบนครับ มีวิธีอยู่

พอลงเสร็จแล้ว เราต้องลงตัว Agent เพื่อให้มัน discovery ip change ใน subnet ของเราด้วยครับ จะได้ไม่ต้องมากดเอง ซึ่งมีคนทำไว้เช่นกัน (เจ้าเดิมน่ะแหละ)
https://hub.docker.com/r/pierrecdn/phpipam-agent
โค้ด 1 บรรทัด
$ sudo docker run -ti -d -e PHPIPAM_AGENT_KEY=dummy-key -e MYSQL_ENV_MYSQL_PASSWORD=รหัสผ่านroot --name ipam-agent --link phpipam-mysql:mysql pierrecdn/phpipam-agent
ส่วนวิธีทำในหน้า Ipam กดเข้าไปดูลิ้งต้นทางเลยครับ เท่านี้เราก็ได้ตัวจัดการ IP มาช่วยทำให้งานเราง่ายขึ้นและครับ

สุดท้ายนี้ก็ฝาก Docker ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจหลายๆคน มันเป้นอะไรที่ทำให้งานเราง่ายขึ้น สะดวกขึ้นครับ ไว้มีเทคนิคอะไรใหม่ๆจะมาลงให้อ่านกันอีกนะครับ

Live สดเกมบนบริการสตรีมออนไลน์ (Youtube,twitch) ด้วย OBS

สวัสดีครับ หายไปนานมากเลยรอบนี้ บังเอิญผู้เขียนติดเกม Blade and soul มาครบ 1 ปีเต็มๆแล้วทำให้ไม่ค่อยมีเวลาทำอย่างอื่น ขนาดงานอดิเรกอย่างอ่านหนังสือการ์ตูน และดูอนิเมะ ยังแทบไม่ได้จับต้องกันเลยทีเดียว พอเล่นเกมนานๆเข้า มันก็อยากจะเก็บภาพความทรงจำ เก็บวีดีโอการเล่นเกมกับเพื่อนๆ ให้คนอื่นดู หรือดูเอง ทำให้ผมไปหาวิธี Live สดเกม โดยตอนแรกได้ลองได้โปรแกรม xSplit Gamecaster ซึ่งได้ License ฟรีๆมา 1 ปีจากการซื้อ การ์ดจอ 1080 โปรแกรมนี้ใช้งานง่ายมาก แต่ข้อเสียเลยคือ กินทรัพยากรเครื่องมากเกินไป Live แล้วเล่นเกมกระตุกบ้าง ซึ่งไอ่เกม Blade and soul เนี่ย ให้เครื่องแรงขนาดไหนก็ไม่รอดการกระตุกแน่นอน ดังนั้นจึงต้องหาโปรแกรมอื่นที่เป็นทางเลือกในการ Live เกมนั่นเองครับ

ซึ่งจริงๆแล้วมีโปรแกรมตัวหนึ่งที่มีมานานพอสมควร ผมเคยได้ทดลองใช้มาก็พอสมควรแล้ว แถมเป็น Opensource อีกด้วย นั่นคือโปรแกรม Open Broadcaster Software หรือ OBS นั่นเองครับ โดยโปรแกรมนี้ทำให้เราสามารถ Live เกมได้ไม่ยากนัก แถมไม่กินทรัพยากรเครื่องมากแบบโปรแกรมของค่าย xSplit ไม่เสียเวลาดีกว่า เรามาดูวิธีการ Live กันเลยครับ

ขั้นแรกเลย ไปโหลดเจ้าโปรแกรม OBS พร้อมติดตั้งให้เรียบร้อย สามารถดาวน์โหลดได้ที่ลิ้งด้านล่างเลย
https://obsproject.com/

โดยโปรแกรมตัวนี้มีให้เลือกใช้ได้หลายระบบปฏิบัติการทั้ง Windows Mac Linux แถมยังมีทั้ง Version 32 และ 64 bit ให้เลือกใช้ตามสภาพเครื่องเราอีกด้วย (xSplit มีแต่ 32 bit)

หลังจากโหลดมาติดตั้งเรียบร้อยให้เปิดโปรแกรมขึ้นมาจะมี Wizard สำหรับตั้งค่าการ Live เกม เราสามารถทำตามขั้นตอนนี้ได้ แต่ผมจะสอนวิธีธรรมดาๆดีกว่า

หน้าตาของโปรแกรม OBS

ขั้นแรกเลยให้เรากดปุ่มตั้งค่าที่เมนูย่อยๆขวาล่างของจอครับ

 

 

 

 

เราจะเจอกับหน้าต่างการตั้งค่า ให้หน้านี้ผมจะสนใจแค่ 3 เมนูคือเมนู สตรีม Output และ วีดีโอ

เมนูแรกเมนู สตรีม เมนูนี้จะให้เราใส่ข้อมูลบริการสตรีม เช่น Youtube หรือ Twitch ครับ โดยเราแค่ไปนำ Stream Key ของบริการเหล่านี้มาใส่ก็พอแล้ว

วิธีหา Stream key ของ Twitch

ให้เราเข้า Twitch ของเราและเลือกไปที่เมนูตัวสร้างวีดีโอ จะเห็นแถบเมนูย่อยๆด้านซ้ายมือ ให้เราเลือกเมนูช่องที่อยู่ด้านล่างหัวข้อการตั้งค่า จะพบกับ Stream key ของเรา ให้ก้อบปี้มาใส่ที่โปรแกรม OBS ครับ

วิธีหา Stream key ใน Youtube

ให้เราเข้า Youtube หาเมนู ครีเอเตอร์สตูดิโอ Streamkey จะอยู่ในเมนู สตรีมมิ่งแบบสด เลื่อนๆลงมานิดนึง จะพบ Stream Key ให้ก้อบปี้ไปใส่ใน OBS

หลังจากใส่ Stream key แล้ว ให้เลือกบริการด้านบนตาม Stream key ที่เราใส่ด้วยเป็นอันเรียบร้อย

ต่อมา เมนู Output ครับ ตรงนี้จะเป็นตัวตั้งค่าคุณภาพ Video ที่เราจะสตรีมออกไปให้เราตั้ง bitrate ตามความเร็วอินเตอร์เน็ทขาออกของเราครับ ตามข้อมูลด้านล่างเลย

Upload 1 Mbps 700
Upload 2 Mbps 1400
Upload 4 Mbps 3000
Upload 10 Mpbs 7000
Upload 20 Mbps 14000

โดย bitrate ที่เหมาะสมในการสตรีม 1080p60fps จะอยู่ที่ 6000 (Twitch จะ Limit bitrate ของผู้ใช้ธรรมดาอยู่ที่ 6000 เท่านั้น)
สามารถดูการตั้ง bitrate แบบละเอียดตามลิ้งด้านล่างครับ
https://stream.twitch.tv/encoding/

ต่อมาเป็นช่อง Encoder ซึ่งเป็นตัวประมวลผลวีดีโอก่อนส่งโหลดขึ้นไปยัง Stream Service โดยปกติจะตั้งที่ Software Encoder สำหรับ PC ธรรมดาทั่วไป แต่ถ้าใครมีการ์ดจอที่สูงซักหน่อย จะสามารถใช้ Hardware Encoder อย่างของ NVIDIA จะเป็น NVENC และ ของ INTEL จะเป็น QSV ซึ่งจะช่วยลดภาระของ CPU เราขณะสตรีมได้พอสมควรครับ

Audio bitrate ช่องนี้ ผมไม่เปลี่ยน 160 ก็เพียงพอแล้ว

ส่วนตัวเลือกด้านล่างช่อง Recording จะเป็นการตั้ง Part ที่เก็บไฟล์สำหรับคนที่ต้องการบันทึกการเล่นเกมเป็น Video ไม่ได้สตรีม ซึ่งผมไม่ได้ใช้ตรงส่วนนี้

ต่อมาจะเป็นเมนู วีดีโอครับ เมนูนี้ไว้ตั้งคุณภาพของ Video ที่เราจะสตรีม โดยจะมีเมนูให้เลือก 4 เมนูคือ
Base (Canvas) Resolution ตรงนี้ให้ตั้งตามขนาดจอที่เราเล่นเกมเลยครับ ปกติน่าะเป็น Full HD กันหมดแล้ว (1980*1080) หรือใครเล่น Windows Mode ก็จะลดตามขนาดจอที่เราเล่นไปครับ
Output (Scale) Resolution ตรงนี้จะเป็นคุณภาพ วีดีโอที่เราจะส่งออกไปยัง Steam Service หรือบันทึกครับ ให้ตั้งเท่ากับข้อแรกเลย หรือใครที่เล่น Windows mode 1280*720 แล้วอยากจะสตรีมเป็น Full HD สามารถ Up Scale เป็น 1980*1080 ในเมนูนี้ครับ
Downscale Filter ข้อนี้จะเป็นตัวเลือกสำหรับคนที่เลือก Output น้อยกว่า Base ครับ จะช่วยในการทำให้ภาพคมขึ้นหลังจากการ Downscale ให้เลือก Lanczos ครับ แจ่มสุดแล้ว
Common FPS ตรงนี้สำหรับเลือก Framerate ของ Stream เรา ปกติคือ 30 FPS ถ้าใครเครื่องแรง ก็ 60 เลยจ้า

จบการตั้งค่าการสตรีมครับ ต่อไปเป็นการตั้งค่าให้เกมเรามาโผล่ในหน้าจอ OBS ก่อนสตรีมครับ

ให้กดตามรูปด้านล่างจะเป้นการเลือก Capture หน้าต่างเกมครับ กดขึ้นมาแล้วตั้งชื่อให้เรียบร้อยแล้วกด OK

จะเจอหน้าต่างให้เลือกว่าจะ Capture Process ไหน ให้เลือกไปที่ Process เกมของเราครับ จะเห็นหน้าจอเกมโผล่ขึ้นมาเลย

เสร็จแล้วกด ตกลง จะเจอหน้าจอเกมในจอใหญ่ๆของเราครับ เท่านี้เราก็สามารถกด เริ่มสตรีมมิ่งเพื่อเริ่มสตรีมเกมได้เลยครับ

สำหรับชื่อสตรีม ต้องไปแก้ไขในหน้าสตรีมของแต่ละบริการครับ แก้ไขทุกครั้งก่อนสตรีมเพื่อได้ชื่อที่ถูกต้องครับ

สำหรับ Twitch จะอยู่ในเมนูตัวสร้าง Video จากนั้นเลือกเมนูถ่ายทอดสดด้านซ้ายมือครับ

สำหรับ Youtube จะอยู่หน้าเดียวกับ Stream key เลยครับ

เท่านี้ก็สามารถสตรีมเกม แล้วแจกจ่ายลิ้งให้เพื่อนหรือคนรู้จักดูกันได้แล้ว แถมเรายังสามารถเก็บ Video เหล่านี้ไว้ดูย้อนหลังได้อีกด้วยครับ ถือว่าแจ่มมากสำหรับสายเล่นเกมเลยทีเดียว ยังไงก็ระมัดระวังความเป็นส่วนตัวในขณะสตรีมด้วยนะครับ

หยุด Anti Adblock ด้วย Anti Adblock Killer

สวัสดีครับ ช่วงนี้หน้าฝนแล้ว ฝนตกทีไรน้ำท่วมตลอดเลย บางคนอาจไม่อยากไปเที่ยวไหน นั่งดูหนัง ฟังเพลง หรือจะนั่งเล่นคอมเปิดเว็บไซต์ต่างๆอยู่บ้าน สบายๆ

เว็บไซต์ทั่วไปสมัยนี้ที่มี Content ต่างๆให้เราได้รับชมหรืออ่าน มักจะมีโฆษณาเป็นเรื่องปกติ ซึ่งอันนี้ผมไม่ค่อยจะ Block ซักเท่าไหร่ ถือเป็นรายได้ให้กับทางเว็บไซต์ แต่ก็มีเว็บบางเว็บ ที่มักแฝงโฆษณาบังคับกด หรือ Popup น่ารำคาญมากๆให้กับเรา ถึงแม้เราจะลง Ad-block มันก็จะมี Script ป้องกัน Ad-block เราจะอีก แต่ไม่ต้องห่วงครับ เรามีทางแก้ไขเสมอ

หน้าตาของ Script ที่รู้ว่าเรากำลังใช้โปรแกรม Ad-block อยู่

หากใครเจอหน้าตาแบบด้านบน หรือข้อความคล้ายๆแบบนี้แสดงว่าโดนแน่นอน ซึ่งถ้าเราจะดูก็จะมีวิธีง่ายๆคือ ปิด Ad-block แต่เราก็จะต้องเจอพวก Ad ไม่พึงประสงค์ทั้งหลายซึ่งผมไม่ชอบเลย ดังนั้นเราจึงเลือกทางเลือกที่ 2 คือวิธีจัดการกับมันซะ

บทความนี้ผมจะแนะนำกับ Browser ที่สามารถลง Chrome Extension ได้นะครับ ส่วนมากคงใช้ Google Chrome กันแน่นอน แต่ถ้า Browser อื่นๆวิธีการคงไม่ต่างกันครับ ใช้อ้างอิงได้ เริ่มแรกครับ เราจะต้องมี Extension 2 ตัวสำคัญเลย ตามนี้ครับ

  1. Adblock Plus แน่นอนครับ ต้องมีไว้เพื่อ Block Ad แต่อาจจะต้องลง Filter เสริมเล็กน้อย
  2. Tampermonkey ตัวนี้สำหรับลง Script ให้ตัวจัดการ Anti Ad-block ทำงานครับ

เมื่อมีทั้งสอง Extension แล้วเรามาเริ่มการทำกันเลยครับ เริ่มแรกเลยให้เข้าเว็บไซต์ https://reek.github.io/anti-adblock-killer/ จะเจอหน้าจอแดงๆ แบบนี้

ให้เราเลื่อนๆลงมานิดนึง จะเห็นข้อความแนะนำ Extension ที่ใช้กับ Script กัน Anti Ad-block ครับซึ่งผมแนะนำ Tampermonkey ครับ ส่วนใครใช้ Greasemonkey ก็ไม่เป็นไรครับใช้ได้เหมือนกัน

ให้เรากด Install เลยครับ รอแปปนึง จะมีหน้าจอ Script ขึ้นมาให้เรากดติดตั้งอีกทีตามรูปด้านล่างครับ

เมื่อกด Install เป็นอันเสร็จสิ้นการติดตั้ง Script ต่อมา ก็ให้เลื่อนหน้าแดงๆ ลงมาอีกนิดนึงจะเป็น Step ต่อไปครับ โดยจะแสดง Extension Ad-block ที่รองรับ อันนี้ผมแนะนำ Adblock Plus ครับ

ให้เรากด Subscribe ครับ แล้วจะมีหน้าต่างใหม่แสดงข้อความ ให้เพิ่ม Filter ใหม่ใน Adblock Plus ขึ้นมา

ให้เรากด + Add ครับ แค่นี้ก็เรียบร้อยครับตัว Ad-block จะ Update Filter ให้เองเลย เป็นอันครบถ้วนกระบวนการครับ

ต่อไปให้เราลองเข้าเว็บที่เราโดนหน้าจอกัน Ad-block อีกครั้งคราวนี้จะมีหน้าต่างของ Extension Tampermonkey ขึ้นมา

หน้าต่างนี้จะบอกว่า Script เราจะทำงาน เราจะสามารถเลือกจะให้ทำงานครั้งเดียว หรือจะให้ทำงานได้ตลอดก็ได้ครับ บางคนอาจจะซีเรียสเรื่องนี้ ก็สามารถเลือกให้ Allow เป็นบาง Domain ไป หรือถ้าจะไม่ให้เตือนอีก และให้ทำงานตลอดเลือก Always allow all domains เลยครับ

เท่านี้เราก็สามารถจัดการ Ad น่ารำคาญและ Ad ไม่พึงประสงค์ได้แล้วล่ะครับ

ท้ายที่สุดครับ อยากจะฝากไว้ครับ เว็บไซต์ทั้งหลายที่เปิดๆกันอยู่ล้วนมีค่าใช้จ่ายครับ บางทีหากเราไป Block โฆษณาทั้งหมดของทุกเว็บเลย อาจทำให้ Website ขาดรายได้และอาจต้องปิดตัวลงครับ ดังนั้นหากเว็บไซต์ไหนที่มี Ad แต่ไม่ได้น่ารำคาญขนาดนั้นแนะนำให้ปิดการ Block Ad ตามเว็บไซต์เหล่านั้นเพื่อช่วยทาง Website ให้อยู่รอดด้วยครับ จุดประสงค์ในบทความนี้ของผมต้องการจะ Block Ad ไม่พึงประสงค์และอันตรายจริงๆครับ ส่วนบทความหน้าผมจะมาแนะนำการ Block Ad แบบนี้ในโทรศัพท์ครับ แล้วพบกันใหม่ครับ

ห้อง Server วุ่นวาย Part 2

จบตอน 1 ไปแล้วหายไปหลายเดือนเลย ก็นั่นแหละครับ งานยุ่งตามเคย ช่วงนี้จะสงกรานต์และ เริ่มว่าง ทำให้มีเวลามาเขียน blog เพิ่มเติมกันต่อจากคราวที่แล้ว และก็เป็นช่วงครบรอบ 1 ปีของโปรเจ็คห้องนี้พอดีซะด้วย

คราวนี้ผมว่าจะมาแบ่งปันเรื่องราวและความรู้ในแต่ละส่วนตามหัวข้อที่ได้เขียนไว้ใน part 1 ครับ เริ่มจากงานก่อสร้างเลยดีกว่า

งานในส่วนนี้ พอดีเจ้านายเขาถูกใจ นักออกแบบภายในท่านหนึ่ง ที่ออกแบบคอนโด บ้าน และอื่นๆ แถมมี Reference โคตรดี เพราะออกแบบสารพัฒคอนโดให้ชาวต่างชาติจำนวนมาก ผมได้ยินทีแรกนี่ปวดตับเลย เพราะเขาไม่เคยทำห้องแบบนี้เลยนี่หว่า จะออกแบบได้อย่างไร สุดท้ายงานออกแบบตกมาที่ผม -*-

บอกเลยผมก็ไม่มีความรู้เลยเรื่องเนี่ย สุดท้ายผมใช้วิธีเอาข้อมูลเก่าๆ ที่หลายๆเจ้าเสนอมา แล้วก้อบวาง สุดท้ายได้แบบห้องตามที่ต้องการ โดยมี สามห้อง แบ่งเป็นห้องเก็บของ ห้อง noc และห้อง server room โดยประตูทางเข้าจะต้องเข้ามาที่ห้อง noc ก่อน จากนั้นจึงจะเข้าห้องเก็บของ และห้อง Server ได้ โดยที่มีระบบ Access control ชั้น โดยติดที่หน้างห้อง noc และห้อง Server อย่างละตัว

ส่วนในเรื่องของห้อง server ตรงจุดนี้ ทุกเข้าที่เสนอมา ออกแบบห้องแบบยกพื้นทั้งหมด แต่ผมคิดว่าไม่น่าจะยก เพราะดูแลลำบากแน่นอน เลยออกแบบให้ใช้ cable tray ลอยเหนือตู้ Rack โดยแยกรางไฟฟ้า กับ รางสาย data ออกจากกัน โดยผมเคยถามเหตุผลการยกพื้นหลายๆคนบอกแค่แค่ให้แอร์ออกมาแค่นั้นเอง ซึ่งแบบห้องผมไม่ได้ใช้แอร์แบบ precision แอร์อยู่แล้ว เลยไม่ต้องกังวลอะไร แถมเวลาแก้ไขสาย จัดการสายมันง่ายสะดวกที่สุด

เริ่มก่อสร้าง โดยทีมงานก่อสร้างที่คุณคนออกแบบ (เชียน Cad เฉยๆ) ได้แนะนำบริษัทรับเหมาที่รู้จักการจัดการ ซึ่งดูแล้วเป็นมืออาชีพมาก ทำงานรวดเร็ว และงานออกมาดีเป็นที่พอใจเลยทีเดียวครับ

IMG_20151120_164032

ภาพห้องบางส่วน

งานแอร์ หลังจากงานก่อสร้างกำลังลุยกั้นห้อง ส่วนของการออกแบบในตอนแรกมันก็มีเรื่องแอร์เข้ามาเกี่ยวข้อง โดยแอร์ที่มาติดก็ได้รับคำแนะนำจาก คนเดิม แนะนำบริษัท ไดกิ้น เข้ามาคุยเรื่องแอร์ โดยเซลนั้นไม่พูดถึง precision แอร์เลย (ไม่มีมั้ง) เลยเสนอแอร์แบบ vrv ใหญ่ๆ ซึ่งเขาบอกว่าติดมาหลายที่ไม่มีปัญหาเรื่องความชื้นเลย ซึ่งผมก็เชื่อคนง่ายซะด้วย เลยเออออ และฝ่ายไดกิ้นก็ออกแบบแอร์ให้ โดยเป็น vrv ขนาด 98000 btu 2 ตัวเปิดสลับกัน ออกแบบให้ลมเป่าเข้าที่หน้าตู้ Rack เลย ซึ่งผมดูแบบแล้วก็ค่อนข้าง ok และเห็นว่าบริษัทใหญ่น่าจะโอเคนะ หลังจากตกลง จ่ายเงินกันเรียบร้อย ก็เริ่มเข้ามาติดแอร์ในระหว่างที่ช่างก่อสร้างก็ทำกันไป ดูแล้วก็ราบรื่นนะครับ ปัญหาไม่มี ไอ่ตัวผมก็โอเค สบายใจสุดๆ

ต้องหาคนเอา forklift มาแบกขึ้นให้ ลุ้นมาก กลัวร่วง

ต้องหาคนเอา forklift มาแบกขึ้นให้ ลุ้นมาก กลัวร่วง

หลังจากติดแอร์และงานก่อสร้างเริ่มจะจบ มีอีกเรื่องที่ทาง คนเดิม แนะนำมาคือต้องฉีดโฟมรอบห้อง เพื่อกันความร้อนเข้า และความเย็นออกด้วย เจ้านายผม โอเค ผมก็โอเคครับ ตื่นเต้นมากด้วยเพราะไม่เคยเห็น หุหุ

IMG_20151119_134046

เหม็นโคตรๆ ไอ่ตอนฉีดโฟมเนี่ย

หลังจาก จบงานก่อสร้าง ไม่สิเกือบจบ ก็มาเริ่มที่งานไฟฟ้าต่อ ซึ่งส่วนนี้สำคัญมากๆ และการออกแบบงานไฟฟ้ายังไม่มี จะมีแค่ Spec ที่บริษัทต่างๆเสนอมา คือไฟเมน 250 Amp แต่เข้าส่วนอื่นๆนั้นไม่รู้เรื่องเลย ผมเลยเสนอให้หาผู้เชี่ยวชาญตรงส่วนนี้มาจัดการ ซึ่งคนเดิมของผม ก็จัดหามาให้ เพื่อนเขาครับ เป็นวิศวกรไฟฟ้า มีใบ กว ครบ ประวัติการทำงานโหดสัด และเป็นหนึ่งในผู้ดูแลงานรถไฟฟ้าสายสีม่วง เหยดเขร้ หลังจากคุยเรื่องออกแบบกันเสร็จเขาก็ไปเขียนแบบมาให้ อย่างงามเลย เพราะเขาเขียนมือล้วนๆ no cad โหดสุดๆ

ต่อมาดราม่ามันเริ่มเกิดหลังจากนี้ เพราะเพื่อนที่มาทำงานก่อสร้าง ตอนแรกจะเหมางานไฟฟ้าด้วย แต่แล้วก็วืด เพราะอะไรไม่รู้ แล้วคนเดิมก็หาบริษัทรับทำงานไฟฟ้าโดยเฉพาะมา อยู่แถวรามคำแหงให้รับผิดชอบงาน ซึ่งผมได้คุยกันแล้วผมโอเคนะ ดูเขาเป็นมืออาชีพมาก วางแปนงาน อะไรพร้อมสรรพ เสร็จใน 2 เดือน แล้วก็เริ่มทำงานโดยเขาจ้างช่างมาอีกทีเพื่อเดินรางไฟฟ้า ตอกสายดิน บลาๆๆ

IMG_20151107_100902

ตู้ไฟ รอนานโคตรๆกว่าจะได้มา

ตัดมาที่เรื่อง gen ก่อนดีก่า เนื่องจากแบบที่ออกแบบมา ห้องที่เป็นแบบ tier 2 ซะด้วย โดยมีแหล่งจ่ายไฟ 2 source ที่แรกก็ไฟจากโรงงานจำนวน 3phase 250A ส่วนแหล่งจากไฟที่ 2 ก็จะเป็น gen ที่ทางท่านวิศวะ ออกแบบให้ gen ต้องมีขนาด 145 KVA ซึ่งเขาแนะนำมา 2 เจ้า ของ ยุโรปล้วนๆ ราคาแพงสัด สุดท้ายผมไปคุยกับผู้รับเหมา เขาก็ทำมาเยอะ เลยแนะนำให้ผมอีกเจ้าซึ่งดูแล้วราคาคุยกันรู้เรื่องเลย ผมเลยจัดทันทีไม่รีรอ

IMG_20151118_110939

ภูมิใจมาก ไปเลือกมากับมือ

ต่อไปก็ในส่วนของ UPS บริษัทก่อนๆที่เสนอผมมา มีทั้งของ HITACHI EMERSON แต่ผมเลือก leonics เพราะเป็นของไทย ซัพพอร์ทคนไทย ติดต่อง่ายสะดวก และคุณภาพไม่ได้ด้อยกว่าเจ้าอื่นๆเลย แถมราคาน่าคบมากที่สุด เลยจัดมา 2 ตัว ขนาด 20 KVA ก็น่าจะเหลือกับทั้งห้องนี้และครับ

20151228_101556

ใช้มาเยอะ ยี่ห้อนี้ไม่เคยผิดหวัง

หลังจากติดตั้งของต่างๆครบ และดราม่าเรื่องไฟฟ้าก็จบลงด้วยดี (ขอไม่พูดดีกว่า) ก็เริ่มย้ายสิ่งของเข้าห้องใหม่ของเรา ซึ่งมันก็เป็นไปด้วยดีแต่แล้วปัญหาสุดท้ายของห้องนี้ก็เริ่มต้นขึ้น และเป็นปัญหาที่ทำให้เสียเวลามากที่สุดคือ เรื่องแอร์ครับ

20151228_101548

ซอกหลืบเล็กๆไว้หลบนอน

เริ่มต้นเลยหลังจากระบบไฟเสร็จ เปิดแอร์ในห้อง noc พังไป 1 ตัว ส่วนในห้อง Server ปกติครับ

แต่ที่ไม่ปกติคือความชื้นขึ้นโหด มาก ถึง 70% ซึ่งห้องแบบนี้มันไม่ควรเลยครับ ในตอนแรกนั้นช่างแอร์เขามาแก้ในตัว Control ลดอุณหภูมิก็แล้ว ตั้งเวลานู่นนี้แล้วก็ไม่เกิดผลอะไรครับ เหมือนเดิมตลอดเวลา

20160106_151650

แอ้ก เครื่องจะเน่าไหมเนี่ย

หลังจากดึงดันแก้กันเป็นเดือน หลังปีใหม่เขาเอาสิ่งแปลกปลอมมาใส่ครับ มันคือ heater เขาบอกว่าจะช่วยเพิ่มโหลดในห้อง ผมก็ อืมๆลองดู

20160106_151604

ฮีทเตอร์ เห็นเล็กๆแบบนี้ กินไฟมากกว่าแอร์

สุดท้าย ก็เข้าอีหรอบเดิม ฮีทเตอร์จัดการกับความโหดของแอร์ไม่ไหวครับ ซึ่งผมคิดได้ทันทีว่าน่าจะออกแบบกันผิดพลาดแน่ๆ ผมว่าแอร์ใหญ่ไปแน่นอน และหลังจากดึงดัน ลองตั้ง Heater อีกเป็นเดือน และให้ผมทำอะไรหลายอย่างเพื่อตรวจสอบว่าความชื้นไม่ได้มาจากพื้น  หรือส่วนอื่นๆของห้อง ก็ได้ข้อสรุปว่าลองลด btu แอร์ลง 50 % ทั้งสองเครื่อง และผลที่ได้คือ ความชื้นนิ่งทันทีครับ แทบจุดพลุฉลอง

DSC_0115

ปูเสื่อนอนแปป

หลังจากปัญหาแอร์หมดไป ห้องนี้ก็เรียกว่าสมบูรณ์แล้วล่ะครับ ก็ต้องตบแต่งกันต่างๆนานา จนมันใช้งานได้ 100% ซึ่งหลังจากนี้ก็ต้องลุยกับการจัดการระบบ Network ภายในโรงงานต่อ ซึ่ง backbone ตรงนี้จบแล้วนั่นเอง

สวัสดีครับ

20160105_155412

ทีวีต้องไปแบกกันเอง กลัวไม่ถูกใจ 555

20160121_125712

นั่งสบายๆ

ห้อง Server วุ่นวาย Part 1

สวัสดีครับ หายไปนานมาหลายเดือน เนื่องจากช่วงนี้มีโครงการต้องดูแลการสร้างห้อง Server เล็กๆ แต่ Spec หย่ายของที่ทำงาน ซึ่งจริงๆมันควรจะเป็นการจ้างบริษัทเดียวทำมันทั้งห้อง แต่เจ้านายเราดันอินดี้ ทำเองทั้งหมดโดยหา ผู้รับเหมาแต่ละประเภทมาจัดการครับ เรื่องวุ่นวายในเวลาหลายๆเดือนจึงเริ่มต้นขึ้น

โครงการทำห้องเนี่ยจริงๆมันมีมานานหลายปีแล้ว แต่ก็ไม่ได้เริ่มซักที ผมนี่ง้างมานานโดยการหาบริษัทที่มี Profile ทำด้านนี้มาเสนอแบบ และราคาให้เจ้านาย แถมบริษัทที่จ้างมาติดตั้งอุปกรณ์เครือข่ายในบ้านก็เสนองานทำห้องนี้ด้วย และเมื่อคุยไปคุยมา ออกแบบและแก้หลายครั้ง รู้ความต้องการต่างๆแล้ว สุดท้ายเจ้านายเราก็เงียบซะงั้น เงิบไปเลย

มาพูดถึงเรื่องห้องกันก่อน อะไรบ้างที่ต้องมีในห้อง Server ก่อนที่จะทำห้องนีเนี่ย Server บริษัทเราก็อยู่มันในห้องแอร์ ธรรมดา ก็อยู่ได้นานนะ แต่ HDD พังบ่อยเกิ้น น่าจะเรื่องอุณหภูมิที่สูงไปแอร์สู้ไม่ไหว กับเรื่องความชื้นมหาศาลที่ช่วยกันทำให้เครื่องมีอายุไม่ยืนยาว แต่หลังจากได้คุย Concept กันบริษัทมืออาชีพด้านทำห้องจริงๆ มันต้องมีองประกอบหลายอย่างมาก ตามนี้เลย

1. งานก่อสร้าง ไอ่ห้องเนี่ย มันต้องสร้างกันใหม่เลยนะ จะมาเอาห้องเก่าๆ เล็กๆมาทำเลย ก็ต้องมีการ Renovate กัน โดยที่เขาเสนอมา ก็จะเป็นผนังกันไฟ และ ประตูกันไฟ โดยห้องนี้จะต้องถูกปิดอย่างสมบูรณ์โดยไม่มีอะไรเล็ดลอดเข้ามาได้ไม่ว่าเป็นเป็น น้ำ อากาศ มด หนู แมลงสาบ ส่วนพื้นเนี่ย ก็ต้องมีการยกพื้นด้วย เพื่ออะไร บางเจ้าก็บอกว่าสะดวกเดินสาย และก็ให้แอร์มันเป่าลืมจากล่างขึ้นบน อันนี้เราก็ไม่รู้มากอ่ะ แต่บังเอิญเคยเข้าไปดูงานมาหลายๆที่ และเคยเอาเครื่องไปฝาก IDC ก็เป็นแบบนี้หมดน่ะนะ อืม ก็น่าจะตามนั้น

Bloomberg-5

2. งานแอร์ เรื่องนี้มันสำคัญสุดๆ ห้อง Server เนี่ย เรื่องอุณหภูมิมันมีผลมากๆที่จะทำให้เครื่องทำงานได้ปกติ และอยู่กับเราไปนานๆ โดยมืออาชีพเสนอแอร์แบบ Precision ที่สามารถควบคุมความชื้นได้ แต่ควบคุมยังไงเราก็ไม่รู้อ่ะ รู้แต่มันทำได้พอและ

precision_ac_clip_image001

3. ระบบสำรองไฟ เอ้ยนี่ก็สำคัญ เครื่อง Server มันต้องทำงานตลอดเวลาเป็นเรื่องปกติ แต่การไฟฟ้าประเทศไทย ไม่ใช่ดิ ทั่วโลกเลย มันชอบมีการขัดข้องกัน ถึงไม่บ่อย แต่ถ้าไฟดับมาครั้งนึง ไหนจะเสียหายด้านการผลิตอาจจะหยุดชั่วคราว ซ้ำร้าย HDD แสนบอบบางจะพังเอา อันนี้เจอกับตัวเอง HDD ไม่พัง แต่ Windows เดี้ยงไป ต้องนั่งลงใหม่ (โชคดีสุดๆ) แถม ระบบสำรองไฟเนี่ย ต้องมีสำรองกันสองต่อ โดยต่อแรกจะเป็นตัวสำรองไฟที่เราเรียกว่า UPS ปกติที่เราใช้กันมันตัวเล็กๆ แต่สำหรับห้อง Server เราจะใช้ตัวใหญ่ๆ สำรองมันทั้งห้อง และต้องมีระบบไฟฟ้าสำรองอีกชุด คือถ้าเมื่อใดที่ไฟฟ้าจากการไฟฟ้ามันดับ UPS เราก็มีข้อจำกัดด้านเวลาที่สำรองเอาอย่างเก่งเลยไม่น่าเดิน ชั่วโมง เราเลยต้องจัดหาเครื่องกำเนิดไฟฟ้า หรือเรียกง่ายๆว่า Gen ใครไปงานวัดพวกม้าหมุน ชิงช้าสวรรค์ มักจะใช้ Gen จ่ายไฟ เพราะถ้าใช้ไฟวัด ถ้าวัดหม้อไฟไม่ใหญ่จริง ไฟดับทั้งวัดแน่นอน ซึ่งระบบการสำรองไฟแบบนี้ เห็นเขาเรียกกันว่า Tier 2

Product-Image_UPS_NT-260-400kVA_V1.jpg

4. ระบบไฟฟ้า อันนี้ก็มีความสำคัญนะ การออกแบบระบบไฟฟ้าที่ดี ทำให้สามารถช่วยชีวิตเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในห้อง และชีวิตเรา (ไม่โดนไฟดูด) อันนี้ก็แล้วแต่ขนาดห้องเรา ต้องรองรับโหลดมากขนาดไหน อันนี้เขาคำนวนให้ผมไม่รู้

pcelemac_com_0002_1_1_img_5405

5. ห้องควบคุมและระบบควบคุม เอ้ออันนี้ก็ต้องมีนะ เขาเรียกว่าห้อง NOC หมาเฝ้า Server ซึ่งปกติจะอยู่หน้าห้อง Server และมีจออะไรหลายๆจอ รวมทั้งโต๊ะทำงาน เก้าอี้ โซฟา ตู้เย็น และอื่นๆ

138_lg_2

6. ระบบ Network ขึ้นชื่อว่าห้อง Server ระบบ Network ก็เป็นอีกส่วนที่ต้องออกแบบกันให้ดี เพราะครั้นทำห้องเสร็จแล้วมาแก้ทีหลัง คิดว่าไม่น่าจะโอเคซักเท่าไหร่

backboneswitch

7. ระบบฉุกเฉิน ระบบนี้ถ้าไม่คิดมากก็คงซื้อแค่ถังดับเพลิงมาแขวนไว้ สองสามถังอ่ะนะ แต่บังเอิญถ้าห้องนี้มีข้อมูลสำคัญมากๆ ปกติต้องสำคัญอยู่และ ไม่งั้นคงไม่ทำห้องขนาดนี้ ทำให้ต้องมีระบบดับเพลิงพิเศษ และก็ต้องอัตโนมัติด้วยนะ ราคาโหดมาก แต่ก็นะเหมือนเจ้านายเราจะไม่ค่อยสนอ่ะ

novec1

พักก่อน เขียนค่อนข้างยาว ไว้มาต่อตอนสองวันพรุ่งนี้ ดีกว่าฮาฟ

 

 

เล่นเกม แอป แอนดรอยด้วย Droid4X

สวัสดีครับ หายไปนาน กลับมาอีกครั้งกับบทความคุณภาพอีกเช่นเคย ช่วงนี้ผมติดเกมมากๆ โดยเฉพาะเกมในแอนดรอยเนี่ย ทำเสียเวลาในชีวิตไปเยอะ แต่โทรศัพท์แบทมันน้อยเหลือเกิ้น เล่นได้ไม่นานต้องชาร์ทอีกและ ทำให้ผมต้องสรรหาวิธีการที่จะทำให้เล่นเกมในแอนดรอยด้วยช่องทางอื่นนอกจากโทรศัพท์ครับ

ในระบบ Windows นั้นมีโปรแกรมที่ทำให้เราเล่นแอปแอนดรอยหลายเจ้าอยู่ โดยเฉพาะเจ้าใหญ่อย่าง Bluestack โหลดง่ายใช้งานง่าย แต่หลังๆมานี้ชักเริ่มมีการกั๊ก Spec โปรแกรมและให้ไปจ่ายเวอร์ชั่นเสียตัง ทำให้คนที่เล่นเกมโหดๆ อาจจะไม่สามารถเล่นใน Bluestack ได้บางเกม บังเอิญเพื่อนผมมันเล่นโปรแกรมตัวนึง ที่มันเหมือน Bluestack แถมเร็วกว่าเยอะมาก เล่นได้เกือบทุกเกม ผมจึงต้องโหลดมาลองบ้างแล้ว

และโปรแกรมที่พูดถึงก็คือโปรแกรม Droid4X ครับ เป็นโปรแกรมแอนดรอยที่ใช้ระบบเครื่องเสมือนอย่าง VirtualBox มาเป็นแกนในการขับเคลื่อน และโมดิฟาย Driver และ Config ทั้งหมดจนได้แอนดรอยที่เข้าที่เข้าทาง เล่นเกมไม่กระตุก และมีออพชั่นในการเล่นเกมครบครับเลยครับว่าแล้วมาโหลดเจ้า Droid4X กันเลยดีก่า

http://www.droid4x.com/

พอเข้าเว็บแล้วก็โหลดโปรแกรมติดตั้งมาลงได้ทันที แถมใช้ได้ทุก Windows ที่มีอยู่ตอนนี้ตั้งแต่ 7 8 10 ครับ หลังจากลงเสร็จก็สามารถเปิดใช้งานได้ทันที ถ้าใครเคยใช้แอนดรอยอยู่แล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหาครับ

ส่วนที่บอกว่า Droid4X มีเครื่องมือช่วยเรื่องการเล่นเกมตามนี้เลยครับ

  1. อัด Video ระหว่างเล่นได้ ไม่ต้องลงอะไรเพิ่มเลยครับ กดรูปกล้องด้านล่างของเมนู ก็สามารถอัพได้ทันทีครับ
    cats
  2. Keyboard Controller อันนี้เจ๋งมากครับ สามารถตั้งค่าปุ่มคีบอร์ดกับจอแอนดรอยได้ทันที ทำให้เล่นเกมแนว Action ได้สบายๆไม่ต้องกดเม้า กิ้กๆๆ ตลอด
    2
  3. สามารถใช้ โทรศัพท์เรา เป็น Joy ได้ด้วย โดยโหลด App ของ Droid4x มาครับ ทำให้เรากดโทรศัพท์แทนได้เลย
    3
  4. บางเกมต้องเขย่าจอ ก็มีปุ่มให้เรากดแล้วเครื่องจะสั่นนิดนึงเหมือนเราเขย่า
  5. ปุ่ม Print Screen ไว้ Capture หน้าจอ
  6. สุดท้ายครับ Fake Location อันนี้สำหรับใช้หลอกตำแหน่งเครื่องครับ สำหรับคนที่เล่น Ingress สายบินน่าจะรู้ดี
    4

จะเห็นว่าเจ้า Droid4X นั้นตอบโจทย์สายเล่นเกมมากกว่า Bluestack ดังนั้นแนะนำให้ลองครับ แล้วแบทโทรศัพท์คุณจะเหลือมากขึ้น

มาบันทึกข้อมูลการฟังเพลงของเราด้วย last.fm

สวัสดีครับ ช่วงนี้ฟังเพลงค่อนข้างเยอะ แล้วบางเพลงอยากจะหาข้อมูลเพลง หรือบางทีฟังแล้วอยากจะแชร์ให้คนอื่นได้รู้ว่าเราฟังเพลงอะไร แต่ไม่รู้จะทำยังไงดี ผมมีบริการที่น่าจะตอบโจทย์เรื่องนี้ได้อย่างดีเลยครับ ชื่อของมันก็คือ last.fm

last.fm ก่อตั้งเมื่อปี 2002 ในประเทศอังกฤษ โดยเรียกตัวเองเป็นบริการ “Audioscrobbler” โดย last.fm จะสร้างข้อมูล เพลง ตั้งแต่ชื่อเพลง หน้าปก นักร้อง อัลบั้ม โดยข้อมูลที่สร้างพวกนี้ได้มาจากผู้ที่ใช้ last.fm ฟังเพลงจากที่ต่างๆ เช่น สถานีวิทยุออนไลน์ และโปรแกรมเล่นเพลงต่างๆทั้งหลายครับ

โดยข้อมูลที่ฟังเพลงของเราที่เก็บไปทาง last.fm จะวิเคราห์แนวเพลงที่เราชอบ และแนะนำเพลงที่เราน่าจะสนใจให้ในหน้าเว็บ อีกทั้งเพลงที่เราฟังสามารถแชร์ผ่าน social network อย่างเฟซบุ๊คได้อีกด้วย

แถม last.fm ยังเป็นที่ๆรวบรวมแฟนคลับของศิลปินต่างๆทั่วโลกให้สามารถมาคุยกัน แบ่งปันข้อมูล ของศิลปินที่ชอบ และยังมีการจัดอันดับศิลปิน เพลงที่คนเปิดฟังบ่อยๆ chart เพลง นับว่าเป็นบริการที่เหมาะกับผู้รักเสียงเพลงจริงๆครับ ยังไงก็สามารถลองใช้งานกันได้ที่ last.fm ครับ

 

ทำเว็บให้ปลอดภัยด้วย SSL แบบไม่เสียซักบาท

หายหน้าหายตาไปหลายเดือนเลยครับ ช่วงนี้ผมยุ่งกับงานมากๆ ต้องมาคอยดูแลงานก่อสร้างทั้งๆที่ตัวเองเป็นแค่ IT พูดแล้วมันก็เศร้าครับ แต่ความสนุกมันเพิ่มขึ้นเพราะการได้ลองซื้อ SSL มาเล่นซึ่งมันจะเพิ่มความปลอดภัยของเว็บไซต์ได้มากขึ้น รวมทั้งข้อมูลต่างๆที่ส่งผ่านระหว่างเครื่องลูก และเครื่องแม่จะถูกเข้ารหัสทั้งหมดครับ แถมได้ข่าวเมื่อไม่นานมานี้มา หลายๆ browser เริ่มจะพิจารณาเรื่องนี้อย่างจริงจัง อาจจะทำให้เว็บไซต์ที่ไม่ผ่าน SSL กลายเป็นเว็บไม่ปลอดภัยและมีการแจ้งเตือนตลอดครับ พูดแล้วเรามาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ

SSL นั้นย่อมากจาก Secure Sockets layer เป็น Protocol หนึ่งที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในเวลานี้ ประโยชน์ของมันเพื่อเข้ารหัสข้อมูลทั้งหมด ที่ส่งและรับจากเครื่องแม่ และเครื่องลูกครับ ทำไมต้องเข้ารหัส แน่นอนครับว่าทุกวันนี้ หลายๆคนอาจจะเล่นเน็ทตาม Wifi Free ต่างๆซึ่ง Network ของ Wifi ฟรีเหล่านี้เราไม่รู้เลยว่ามีการเก็บข้อมูลระหว่างทางของเราหรือเปล่า หรือไม่อาจจะมีมือดีแอบดักข้อมูลของเราอยู่ก็ได้ครับ หากเราไม่ได้เข้าเว็บที่ผ่านการเข้ารหัส เกิดมีการกระทำที่ว่ามาข้างตนอาจทำให้ข้อมูลของท่านรั่วไหลได้ครับ โดยปกติหากไม่เข้ารหัส ข้อมูลส่วนใหญ่จะถูกส่งเป็น plain text หาถูกดักข้อมูล เขาจะรู้ข้อมูลได้ทันที เช่นรหัสผ่าน ที่เข้าเว็บไซต์ต่างๆ ข้อมูล session ที่อาจจะค้างในเครื่องเพื่อใช้ยืนยันตัวตนกับเว็บไซต์ โดยไม่ต้องออกแรงอะไรเลย แต่ถ้าหากเข้ารหัสแล้วเขาสามารถดักข้อมูลเราไปได้จริง แต่เขาจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่ามีข้อมูลอะไรอยู่เพราะมันถูกเข้ารหัสอยู่ ตัวอย่างเช่น เราส่งคำว่า AAAA ไปให้เครื่องแม่ หากไม่เข้ารหัส มันก็จะส่ง AAAA ไปเลย แต่ถ้าผ่านการเข้ารหัส มันจะกลายเป็นตัวหนังสือที่ไม่รู้เรื่องเช่น จาก AAAA อาจจะกลายเป็น xdfsa อะไรแบบนี้ครับ เข้าใจประโยชน์ของมันแล้ว คราวนี้เรามาเริ่มดูกันว่าจะไปหาใช้บริการเจ้าพวกนี้ได้ที่ไหน

SSL นั้นไม่ฟรีครับ ต้องเสียเงินซื้อ และการจะซื้อนั้นยังต้องมีการ Validation หรือยืนยันตัวตนกับผู้ที่ขายให้เราอีก โดยราคา SSL นั้นขึ้นอยู่กับประเภทครับ โดยแบ่งเป็นหัวข้อหลักๆเลยดังนี้

แบบที่ 1 DomainSSL เป็น SSL ที่เหมาะกับการทำเว็บไซต์ โดยราคาไม่แพงมาก และยืนยันตัวตัวง่ายๆ เพียงแค่เราเป็นเจ้าของโดเมน ก็สามารถยืนยันตัวตนได้แล้วครับ

cats

แบบที่ 2 OrganizationSSL เป็น SSL สำหรับองค์กร โดย SSL ประเภทนี้จะให้ความน่าเชื่อถือมากกว่าแบบแรก เพราะต้องใช้การยืนยันระดับองค์กร โดยผู้ที่จะซื้อต้องมีบริษัท และใช้เอกสารการจดบริษัทเพื่อยืนยันตัวตนครับ ราคานั้นอยู่ในระดับกลางๆ

cats

แบบที่ 3 ExtendedSSL เป็น SSL ขั้นสูงสุด โดย SSL แบบนี้เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการความน่าเชื่อถือสูง เช่นธนาคาร ร้านค้า ห้างร้านใหญ่ๆ และจะเห็นได้ชัดที่สุดคือเมื่อเข้าเว็บไซต์แล้วจะมีแถบสีเขียว และแสดงบริษัทอย่างเห็นได้ชัด ส่วนราคานั้นค่อนข้างสูงครับ

2

นอกจาก 3 ประเภทนี้ยังมี Option ย่อยๆของแต่ละแบบด้วยครับ โดยแบ่งย่อยปรมาณนี้1. แบบ Standard แบบนี้รองรองแค่ชื่อโดเมนเดียวครับ เช่นจด kilvalrikan.com ก็สามารถใช้ได้แค่ชื่อนี้เท่านั้นครับ

2. แบบ Wildcard แบบนี้จะรองรับ Subdomain ด้วย เช่นจด kilvalrikan.com แล้วจะสามารถใช้ได้กับ mail.kilvalrikan.com sql.kilvalrikan.com ได้อีกครับ

3.แบบ UC (Unfield Communications) แบบนี้จะสามารถใช้ได้ หลายโดเมน และหลายซับโดเมนอีกด้วย แต่จะ Limit ให้ไม่เกิน 100 ชื่อครับ

สำหรับที่จัดจำหน่าย SSL เราสามารถซื้อเองจากผู้ให้บริการต่างชาติให้เลย หรือสามารถซื้อจากบริษัท Reseller ในไทย ที่จะให้คำแนะนำประเภท SSL ที่เหมาะสม และวิธีการติดตั้ง ใช้งานครับ อยากรู้ก็ลองค้นหาจากพี่กูเกิ้ลเลยครับ

ส่วนที่ผมจะมาแนะนำวันนี้เราจะมาใช้กันแบบฟรีๆครับ ซึ่งตอนนี้มีบริการแบบฟรีๆที่ผมรู้จักก็แค่เจ้าเดียวมั้ง ส่วนที่กำลังจะเปิดให้ใช้กันในเดือนกันยายน อย่าง let’s encrypt ก็ยังต้องรอ ใครใจร้อนมาใช้วิธีผมดีกว่า

ส่วนใหญ่เราเช่าโอสติ้งกัน น่าจะใช้ Directadmin เป็นหลัก งั้นผมจะสอนวิธีทำง่ายๆจาก directadmin ละกันครับ

เริ่มแรกให้เรา login เข้า directadmin ก่อนครับ จากนั้นให้กดปุ่ม domain administrator

1

หากใครไม่มีปุ่มนี้ลองติดต่อทางผู้ให้บริการว่าเราอยากใช้ SSL ให้เขาเปิดให้ละกันครับ

จากนั้นให้เรากดชื่อโดเมนที่เราจะทำครับ

2

ต่อไปให้เลือกตามภาพและครับ โดย Enable SSL และให้เว็บ ssl กับไม่ ssl อยู่ Folder เดียวกัน

3จากนั้นกด save และลองเข้าเว็บ โดยพิมพ์ https://ชื่อเว็บ ดูครับ หากใช้ได้จะเจอหน้าเตือนว่าการเข้ารหัสไม่ปลอดภัย

4ถ้าได้ถึงตรงนี้ถือว่าเสร็จสิ้นการตั้งค่า SSL ของ Hosting ต่อไปจะเป็นการไปทำใน Cloudflare ครับ โดยที่ Cloudflare เป็นบริการจัดการ Dns และช่วยเป็น cache ให้เพื่อเพิ่มความเร็วและลดภาระของ Server ซึ่งไม่นานมานี้เขาเปิดให้สามารถใช้ SSL ได้แบบฟรีๆ แต่ต้องผ่าน Cloudflare นะครับ ส่วนวิธีสมัคร และตั้งค่าโดเมนเข้ากับ Cloudflare นั้นผมว่าไม่น่ายากเกินกำลัง ผมขอข้ามไปเป็นวิธีการตั้งค่า SSL บน Cloudflare เลยละกันครับ

ขั้นแรกเลย โดเมนของท่านต้องผ่าน Cloudflare วิธีผ่านคือเข้าหน้า DNS และกฎเมฆให้มันเป็นสีส้มๆครับ โดบ Record ที่ต้องทำคือ A ชื่อเว็บเต็มๆของเรา กับ cname www ครับ ซึ่งถ้าเราตั้งค่าตอนแรกกับ Cloudflare เขาจะตั้งเป็น Default ให้อยู่แล้วครับ

6

ให้เราเข้าเมนู crypto ครับและเปิด SSL ให้เป็นแบบ Full

5พอเสร็จแล้วก็เซฟ จากนั้นรอซักแปปนึงแล้วดูผลที่ทำโดยการเข้าเว็บผ่าน https://เว็บไซต์ ดูครับถ้าไม่มี Warning เตือนแสดงว่าทำได้ถูกวิธีและครับทุกขั้นตอนครับ

เท่านี้เว็บเราก็จะปลอดภัยสำหรับผู้เข้าชม และตัว admin เองที่ต้องทำงานหลังเว็บบ่อยๆครับ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับหลายคนนะครับ เพราะเป็นบทความในรอบ 2 – 3 เดือนของผม หุหุ เมื่อไหร่ที่ let’s encrypt มา ผมจะมารีวีวกันให้ทราบอีกครั้งครับ

ปล.พบคำผิด Comment แจ้งได้ครับ ผมรีบพิมพ์นิดนึง